ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2015

อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ตอนที่ 2

ลูกศิษย์ : ตอนนี้ผมพอทราบค่า ROI ตามที่อาจารย์บอกแล้วครับ แต่เพื่อความชัดเจนกำไรจากการลงทุนคืออะไรครับ อาจารย์ : กำไรจากการลงทุนประกอบด้วย 2 รายการดังนี้ 1)  เงินปันผล หมายถึง เมื่อเราลงทุนในหุ้นที่เป็นธุรกิจดีมีกำไร บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเทียบกับกำไรสุทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 10 บาท ดังนั้น หากมีการจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิต่อหุ้น จะทำให้มีเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) เท่ากับ 10 x 50% = 5 บาท ต่อปี เป็นต้น 2)  กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น หมายถึง ราคาขายหุ้นสูงกว่าราคาซื้อหุ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท A เราซื้อหุ้นมาที่ราคา 100 บาท แต่ขายหุ้นที่ 110 บาท ภายในระยะเวลา 1 ปี ดังนั้น จะมีกำไรจากการขายหุ้นเท่ากับ 110 – 100 = 10 บาท เป็นต้น  จากสมการ ROI = กำไรที่เกิดจากการลงทุน x 100% / เงินลงทุน เราสามารถเขียนใหม่ได้ดังต่อไปนี้     ROI = (เงินปันผล + กำไรส่วนต่างราคาหุ้น) x 100% / เงินลงทุน    ROI =  เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน + กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน    ROI  =  อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล + อัตราผลตอบแทนจากส่วนต่า

อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ตอนที่ 1

ลูกศิษย์ : เราจะทราบได้อย่างไร ว่าเราประสบความสำเร็จในการลงทุน เพราะบางคนกำไร 1.0 ล้านบาท บางคนกำไร 0.1 ล้านบาท อาจารย์ : การวัดความสำเร็จในการลงทุนนั้น ต้องวัดจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ เรียกว่า “Return On Investment : ROI” ซึ่งมีสมการดังนี้ อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI)  =    กำไรที่เกิดจากการลงทุน x 100% / เงินลงทุน ตามคำถามของคุณ อาจารย์ขอแยกเป็น 2 กรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 เราลงทุนหุ้น 100 ล้านบาท และมีกำไรทั้งปีเท่ากับ 1 ล้านบาท ดังนั้น ROI = 1% ต่อปี มาจาก:- อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI)  =    1 x 100% / 100 = 1% ต่อปี กรณีที่ 2 เราลงทุนหุ้น 1 ล้านบาท และมีกำไรทั้งปีเท่ากับ 0.1 ล้านบาท ดังนั้น ROI = 1% ต่อปี มาจาก:- อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI)  =    0.1 x 100% / 1 = 10% ต่อปี ดังนั้นจะเห็นว่า หากดูเฉพาะตัวเงินเปรียบเทียบกัน พบว่ากรณีที่ 1 มีกำไร มากกว่า กรณีที่ 2 ถึง 10 เท่า (1.0 / 0.1) แต่หากพิจารณาจาก ROI พบว่า กรณีที่ 2 มี ROI สูงกว่า กรณีที่ 2 ถึง 10 เท่า (10% / 1%) ซึ่งสรุปได้ว่า กรณีที่ 2 เป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากรณีที 1 อย่างเทียบกันไม่ติด