ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2013

เจ้าสัว...บริหารเวลา

หลังจากผมร่วมลงทุนธุรกิจกับเจ้าสัวมากว่าครึ่งปี แกได้มอบหมายให้ผมเป็น กรรมการผู้จัดการ (Managing Director) และมอบหมายให้คนของแกมาเป็นรองกรรมการผู้จัดการดูแลเรื่องการเงินและบัญชีและเซ็นเอกสารสำคัญบริษัทคู่กับผม   ผมจึงบอกกับแกว่า ต้องการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เพื่อจะมาแบ่งเบาภาระงานของผม ซึ่งต้องดูแลเรื่องผลิต การตลาด และบุคคล แกถามกลับว่าผมทำงานอาทิตย์ละกี่วัน ผมตอบกลับ 5 วันต่ออาทิตย์ โดยมาทำงานตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น. และหยุดตามวันหยุดของบริษัทซึ่งจะตรงตามวันหยุดในปฏิทิน แกบอกผมว่าเท่าที่ได้ข้อมูลจากผม แกไม่เห็นด้วยการหาผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เนื่องจากผมยังสามารถทำงานได้อยู่ โดยอ้างอิงจาก ผมควรทำงานอย่างน้อย 6 วันต่ออาทิตย์ และควรยืดเวลาทำงานแต่ละวันโดยให้เลิกทำงาน 4 ทุ่ม ดังนั้นจะเห็นว่ามีเวลาทำงานเพิ่มขึ้นถึงอย่างน้อย 80% แกอธิบายต่อว่า เวลาทำงานของผมต่อเดือนเท่ากับ 160 ชั่วโมง (5 วัน x 8 ชั่วโมง x 4 อาทิตย์) หากผมทำงานตามที่แกบอกเวลาจะเพิ่มขึ้นเป็น 128 ชั่วโมง (5 วัน x 4 ชั่วโมง (ตั้งแต่ 6 โมงถึง 4 ทุ่ม)  x 4 อาทิตย์) + (4 วัน x 12 ชั่วโมง (ทำงานทุกวันเสาร์ตั้งแต่ 8.00 -

เจ้าสัว...สอนทำธุรกิจ

หลังจากที่เจ้าสัวสอนผมแล้ว แกถามว่า "โครงการของคุณต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่" ผมตอบกลับทันควัน "ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 10 ล้านบาทครับ" แกถามต่อ "คุณลงทุนเท่าไหร่ และให้ผมลงทุนเท่าไหร่" ผมตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วนใจ "ผมลงทุน 5 ล้านบาท และท่านลงทุนอีก 5 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีเงินลงทุนครับ แต่ผมจะชำระให้ครบจำนวนในภายหลัง" แกจ้องหน้าและเสนอกลับมาว่า "ผมเห็นตัวผมในตัวคุณเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ผมขอเสนอว่าจะลงทุน 5.1 ล้านบาท และอีก 4.9 ล้านบาท ผมจะให้คุณกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี" ผมเข้าใจแกดีว่าเหตุผลที่แกถึงหุ้น 5.1 ล้านบาท เพราะแกต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ควบคุมกิจการได้ เพราะสัดส่วนหุ้นของแกจะเป็น 51% ส่วนของผมจะเท่ากับ 49% แกเสริมต่อ "ผมจะให้คุณเขียนเช็คส่วนตัวให้ผมล่วงหน้าทั้งหมด 5 ใบ ใบที่ 1-4 ยอดเงิน 1.0 ล้านบาท และใบสุดท้าย 2,125,000 บาท (900,000 + 5,000,000 x 5% x 5) แต่ละใบลงวันที่ห่างกัน 1 ปี โดยใบแรกลงวันที่ 1 ปีให้หลังจากตั้งโครงการนี้" แกหยุดหายใจและพูดต่อ " ผมจะเตือนคุณว่าเช็คแต่ละใบเป็นคดีอา

คำสอน...เจ้าสัว

ผมนั่งมองนาฬิกาที่ติดผนังห้องอย่างตั้งใจเพื่่อรอคอยการได้เข้าพบกับคนสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดกาล สายตาเหลือบไปมองซองสีน้ำตาลที่บรรจุแผนธุรกิจที่เตรียมไว้อย่างดี ซึ่งผมใช้เวลาเขียนพร้อมหาข้อมูลมาประกอบเป็นเวลาเกือบสองเดือน สองเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และยาวนานกว่าครั้งใดๆในชีวิต แต่ละนาทีที่ผ่านไปเดินไปอย่างช้าๆทำให้เข้าใจเรื่องเวลา 1 นาทีของแต่ละชีวิตไม่เท่ากัน "เมื่อชีวิตมีความสุข หนึ่งนาทีนั้นแสนสั้น แต่เมื่อชีวิตมีความทุกข์ หนึ่งนาทีนั้นแสนยาวนาน" เลขาฯของเจ้าสัวบอกว่าท่านให้เข้าไปพบในห้องได้แล้ว ผมเดินเข้าไปในขณะที่แกยังก้มหน้าเซ็นเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะทำงาน แกเชิญให้นั่งและให้ผมช่วยอธิบายโครงการในแผนธุรกิจให้ฟังอย่างย่อเพราะแกบอกว่าคงไม่มีเวลาได้อ่านแผนธุรกิจทั้งเล่ม เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงเวลาการเตรียมตัวขยายการลงทุนจะมีขึ้นในปี 2558 ซึ่งเข้าสู่ยุคของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งมีตลาดที่ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 10 เท่า ในทำนองกลับกัน หมายถึงการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าเช่นเดียวกัน ผมใช้เวลา 15 นาทีในการอธิบายโครงการทั้งหมดเป็น

มีแต่ได้กับได้ ... หุ้นปันผล

หุ้นปันผล คือ หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลามากกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงธุรกิจมีความสามารถในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอจึงสามารถนำกำไรส่วนหนึ่งมาจ่ายปันผล และเหลือกำไรอีกส่วนหนึ่งเอาไว้ขยายกิจการเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไร และส่งผลให้การปันผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต สมการต่อไปนี้จะนำไปใช้อ้างอิงในตัวอย่างข้างล่าง                กำไรสุทธิ = เงินปันผล + กำไรสุทธิคงเหลือ               มูลค่าหุ้นตามบัญชี = ทุนที่ชำระแล้ว + กำไรสะสม + กำไรสุทธิคงเหลือ               อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล = เงินปันผล x 100% / ราคาหุ้น ตัวอย่าง บริษัท A มีรายได้จากการขายต่อปี 1,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อปี เท่ากับ 100  ล้านบาท และมีจำนวนหุ้น 100 ล้านหุ้น ดังนั้น บริษัท A จะมีกำไรสุทธิต่อหุ้น  (EPS) เท่ากับ 1.0 บาท (100/100) และบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลเท่ากับ 50% ของกำไรสุทธิ จึงทำให้บริษัทฯจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 50 ล้านบาท (100x50%) หรือ 0.5 บาทต่อหุ้น ดังนั้นบริษัทฯจะมีเงินคงเหลือหลังจ่ายปันผลเท่ากับ 50 ล้านบาท (100-50) หรือ 0.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทฯจะนำเงิน

หุ้นถูก VS. แพง

คนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น มักจะสับสนระหว่าง คำว่า "หุ้นราคาแพง" กับ " หุ้นราคาสูง" หุ้นราคาแพงของคนส่วนใหญ่ หมายถึง ราคาหุ้นเกิน 100 บาท ยิ่งถ้าราคาหุ้น 1,000 บาท ก็ยิ่งแพงกว่าหุ้นราคา 100 บาท ซึ่งความเข้าใจนี้ผิดอย่างมหันต์ ที่ถูกต้อง ก็คือ หุ้นราคา 1,000 บาท ราคาสูงกว่าหุ้นราคา 100 บาท แต่จะ แพงกว่า หรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้จากการดูจากราคาหุ้น การจะพิจารณาว่าหุ้นใดราคาแพงได้นั้น นักลงทุนต้องเทียบราคาหุ้น (Market Price) กับมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value) ถ้า ราคาหุ้น สูงกว่า มูลค่าหุ้น แสดงว่าหุ้นนั้น "แพง" ในทางกลับกัน หากราคาหุ้น ต่ำกว่า มูลค่าหุ้น แสดงว่าหุ้นนั้น "ถูก" ตัวอย่าง หุ้น A มีราคาหุ้น 500 บาท แต่มีมูลค่าที่แท้จริงเท่ากับ 1,000 บาท แสดงว่าหุ้น A มีราคาถูก หรือจะเรียกหุ้น A ว่า Undervalued ส่วนหุ้น B มีราคาหุ้น 100 บาท แต่มีมูลค่าที่แท้จริงเท่ากับ 50 บาท แสดงว่าหุ้น B มีราคาแพง หรือจะเรียกหุ้น B ว่า Overvalued จากกรณีตัวอย่างพบว่า หุ้น A มีราคาหุ้น 500 บาท ราคาสูงกว่า หุ้น B ที่มีราคา 100 บาท แต่ หุ้น A ถูกกว่าหุ้น

งานที่ปรึกษาทางการเงิน

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 จนถึงปัจจุบัน มันทำให้ผมได้รับประสบการณ์ที่รอบด้าน นับตั้งแต่การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การฟื้นฟูกิจการ การ Refiance หนี้จากเจ้าหนี้รายหลายให้เหลือเพียงเจ้าหนี้รายเดียว การระดมทุนผ่านกองทุนต่างประเทศในรูปแบบ Private Placement  การทำประชาสัมพันธ์กิจการต่อผู้ลงทุน (Investor Relations Activities) จนกระทั่งถึงการขยายกิจการ กล่าวโดยย่อคือ ได้รับประสบการณ์อันมีค่านับเริ่มตั้งแต่กิจการกำลังจะตาย จนกิจการฟื้นคืนชีพ และกลับมาเติบโตอีกครั้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจการในประเทศไทยจะไม่วนกลับไปใกล้ตายอีก   จากความรู้ความเข้าใจในการทำงานมาอย่างต่อเนื่องมาแล้วในหลายอุตสาหกรรม ทำให้สามารถกำหนดขอบเขตงานของที่ปรึกษาทางการเงินให้กับผู้ที่สนใจจะก้าวเดินในเส้นทางนี้ได้โดยย่อดังนี้ 1) การวางแผนทางการเงินระยะเร่งด่วนสำหรับกิจการ     (Ad-Hoc Financial Planning for the Enterprise) ประกอบด้วย การประเมินสภาพคล่องของกิจการ และวงเงินกู้เดิม การกำหนดวงเงินกู้ที่เหมาะสมสำหรับกิจการ การจัดทำแผนการเงินสำหรับขอวงเงินกู้จากธนาคาร 2) การวางแผนทางการเงินระยะสั้น กลาง และยาวสำหร