ลูกศิษย์ : ตอนนี้ผมพอทราบค่า ROI ตามที่อาจารย์บอกแล้วครับ แต่เพื่อความชัดเจนกำไรจากการลงทุนคืออะไรครับ
อาจารย์ : กำไรจากการลงทุนประกอบด้วย 2 รายการดังนี้
1) เงินปันผล หมายถึง เมื่อเราลงทุนในหุ้นที่เป็นธุรกิจดีมีกำไร บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเทียบกับกำไรสุทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 10 บาท ดังนั้น หากมีการจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิต่อหุ้น จะทำให้มีเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) เท่ากับ 10 x 50% = 5 บาท ต่อปี เป็นต้น
2) กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น หมายถึง ราคาขายหุ้นสูงกว่าราคาซื้อหุ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท A เราซื้อหุ้นมาที่ราคา 100 บาท แต่ขายหุ้นที่ 110 บาท ภายในระยะเวลา 1 ปี ดังนั้น จะมีกำไรจากการขายหุ้นเท่ากับ 110 – 100 = 10 บาท เป็นต้น
จากสมการ ROI = กำไรที่เกิดจากการลงทุน x 100% / เงินลงทุน
เราสามารถเขียนใหม่ได้ดังต่อไปนี้
ROI = (เงินปันผล + กำไรส่วนต่างราคาหุ้น) x 100% / เงินลงทุน
ROI = เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน + กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน
ROI = อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล + อัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้น
ROI = Dividend Yield (DY) + Capital Gain (CG)
จากสมการข้างต้น เราสามารถหา ROI ของนักลงทุน สำหรับบริษัท A ได้ดังนี้
DY = เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน = 5 x 100% / 100 = 5%
CG = กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน = 10 x 100% / 100 = 10%
ROI = Dividend Yield (DY) + Capital Gain (CG) = 5% + 10% = 15% ต่อปี
ลูกศิษย์ : สมการนี้ใช้กับการลงทุนที่ขาดทุนได้หรือไม่ครับ
อาจารย์ : ได้เลยครับ แต่ที่ผมยกตัวอย่างมีกำไร เพราะไม่ชอบยกตัวอย่างที่เป็นอัปมงคล แต่ถ้าคุณชอบผมจัดให้ดังนี้
สมมติ บริษัท A หลังจากที่คุณลงทุนและได้รับเงินปันผลเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ๆเกิดข่าวร้ายในยุโรป (มันเกี่ยวอะไรกับเรา ???) ทำให้หุ้นตกลงจาก 110 บาท เหลือ 90 บาท ทำให้คุณขาดทุน 10 บาท เพราะซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท ดังนั้น
DY = เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน = 5 x 100% / 100 = 5%
CG = กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน = (10) x 100% / 100 = (10%)
ROI = Dividend Yield (DY) + Capital Gain (CG) = 5% - 10% = (5%) ต่อปี
จากการคำนวณพบว่า ROI ติดลบเท่ากับ 5% คือ ขาดทุนไป 5% ซึ่งถ้าคุณไม่ขายหุ้น ก็จะเป็นขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss) เพราะราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นไปได้อีก ถ้าข่าวร้ายในยุโรปผ่านไป เหมือน พายุฝนที่ผ่านไป แต่หากคุณขายหุ้น ก็จะเป็นขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง (Realized Loss)
ลูกศิษย์ : ไหนก็ไหนๆแล้ว อาจารย์ช่วยรดน้ำมัน เฮ้ยไม่ใช่ครับ รดน้ำมนต์ให้หน่อยได้ไหมครับ
อาจารย์ : …..
อาจารย์ : กำไรจากการลงทุนประกอบด้วย 2 รายการดังนี้
1) เงินปันผล หมายถึง เมื่อเราลงทุนในหุ้นที่เป็นธุรกิจดีมีกำไร บริษัทจะจ่ายเงินปันผลเทียบกับกำไรสุทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 10 บาท ดังนั้น หากมีการจ่ายปันผล 50% ของกำไรสุทธิต่อหุ้น จะทำให้มีเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) เท่ากับ 10 x 50% = 5 บาท ต่อปี เป็นต้น
2) กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น หมายถึง ราคาขายหุ้นสูงกว่าราคาซื้อหุ้น ตัวอย่างเช่น บริษัท A เราซื้อหุ้นมาที่ราคา 100 บาท แต่ขายหุ้นที่ 110 บาท ภายในระยะเวลา 1 ปี ดังนั้น จะมีกำไรจากการขายหุ้นเท่ากับ 110 – 100 = 10 บาท เป็นต้น
จากสมการ ROI = กำไรที่เกิดจากการลงทุน x 100% / เงินลงทุน
เราสามารถเขียนใหม่ได้ดังต่อไปนี้
ROI = (เงินปันผล + กำไรส่วนต่างราคาหุ้น) x 100% / เงินลงทุน
ROI = เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน + กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน
ROI = อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล + อัตราผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้น
ROI = Dividend Yield (DY) + Capital Gain (CG)
จากสมการข้างต้น เราสามารถหา ROI ของนักลงทุน สำหรับบริษัท A ได้ดังนี้
DY = เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน = 5 x 100% / 100 = 5%
CG = กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน = 10 x 100% / 100 = 10%
ROI = Dividend Yield (DY) + Capital Gain (CG) = 5% + 10% = 15% ต่อปี
ลูกศิษย์ : สมการนี้ใช้กับการลงทุนที่ขาดทุนได้หรือไม่ครับ
อาจารย์ : ได้เลยครับ แต่ที่ผมยกตัวอย่างมีกำไร เพราะไม่ชอบยกตัวอย่างที่เป็นอัปมงคล แต่ถ้าคุณชอบผมจัดให้ดังนี้
สมมติ บริษัท A หลังจากที่คุณลงทุนและได้รับเงินปันผลเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ๆเกิดข่าวร้ายในยุโรป (มันเกี่ยวอะไรกับเรา ???) ทำให้หุ้นตกลงจาก 110 บาท เหลือ 90 บาท ทำให้คุณขาดทุน 10 บาท เพราะซื้อหุ้นที่ราคา 100 บาท ดังนั้น
DY = เงินปันผล x 100% / เงินลงทุน = 5 x 100% / 100 = 5%
CG = กำไรส่วนต่างราคาหุ้น x 100% / เงินลงทุน = (10) x 100% / 100 = (10%)
ROI = Dividend Yield (DY) + Capital Gain (CG) = 5% - 10% = (5%) ต่อปี
จากการคำนวณพบว่า ROI ติดลบเท่ากับ 5% คือ ขาดทุนไป 5% ซึ่งถ้าคุณไม่ขายหุ้น ก็จะเป็นขาดทุนที่ไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss) เพราะราคาหุ้นอาจปรับตัวขึ้นไปได้อีก ถ้าข่าวร้ายในยุโรปผ่านไป เหมือน พายุฝนที่ผ่านไป แต่หากคุณขายหุ้น ก็จะเป็นขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง (Realized Loss)
ลูกศิษย์ : ไหนก็ไหนๆแล้ว อาจารย์ช่วยรดน้ำมัน เฮ้ยไม่ใช่ครับ รดน้ำมนต์ให้หน่อยได้ไหมครับ
อาจารย์ : …..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น