ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2014

EV / EBITDA

ลูกศิษย์ : ผมได้อ่านบทวิจัยหุ้นของนักวิเคราะห์แล้วพบคำว่า EV / EBITDA มันหามาได้อย่างไรครับ อาจารย์ : EV / EBITDA คือ มูลค่ากิจการ (EV) หารด้วย กำไรจากการดำเนินงานบวกกลับด้วยค่าเสื่อมและตัดจำหน่าย (EBITDA) โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) มูลค่ากิจการ (EV) = หนี้สินที่มีดอกเบี้ย (VD) - เงินสด + ส่วนของผู้ถือหุ้น (VS) โดยที่ หนี้สินที่มีดอกเบี้ย คือ เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งที่เป็นหนี้ระยะสั้นและยาว                       ส่วนของผู้ถือหุ้น คือ ราคาหุ้นในตลาด x จำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีงบดุลประจำปีล่าสุด แสดงรายการเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเท่ากับ 110 ล้านบาท และมีเงินสดเท่ากับ 10 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีราคาหุ้นเท่ากับ 20 บาท และมีหุ้นที่ชำระแล้ว 10 ล้านหุ้น ดังนั้ัน มูลค่ากิจการ = 110 - 10 + (20 x 10) = 300 ล้านบาท 2) EBITDA = ยอดขาย - ต้นทุนขาย - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร + ค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่าย ปรกติค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่ายจะอยู่ในต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ซึ่งค่าเสื่อมราคาและตัดจำหน่ายสามารถหาได้จากงบกระ

มูลค่ากิจการ (Enterprise Value)

ลมหนาวได้เริ่มพัดมาอีกครั้ง...ผู้คนเริ่มออกมาเฉลิมฉลองกัน...วันลอยกระทงบอกถึงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้...แต่ชีวิตท่านยังคงเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าเทียบกับวันลอยกระทงปีก่อน... ความคิดของผมล่องลอยไปไกลสุดขอบฟ้า...สายตาเหม่อมองออกไปที่สายน้ำที่ไหลไปแล้วไม่เคยไหลย้อนกลับ...ใจรับรู้ถืงการเกิดขึ้นและดับไปของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัย เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ตามมา ต่อเนื่องไปอย่างไม่มีสิ้นสุด เหมือนงูกินหางไม่มีผิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมีคำถามจากปลายสาย ชายนิรนาม : "มีเรื่องจะปรึกษาครับ คือว่ามีนักลงทุนหลายรายสนใจจะซื้อกิจการของผมและหุ้นส่วน ผมจึงอยากรู้ว่ากิจการของผมมีมูลค่าเท่าใด" ผมตอบกลับไปว่า "การหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) ต้องอ้างอิงจากผลการดำเนินงานในอดีตซึ่งดูได้จากงบการเงินในอดีต และกระแสเงินสดในอนาคตของกิจการ" ชายนิรนาม : "แล้วผมจะคำนวณหามันได้อย่างไรครับ" ผมอธิบายต่อ "มูลค่ากิจการ (EV) = หนี้สินที่มีดอกเบี้ย (VD) - เงินสด + ส่วนของผู้ถือหุ้น (VS)" โดยที่ หนี้สินที่มีดอกเบี้ย คือ เงินกู

กำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคา (EBITDA)

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว...เวลาเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...จากวินาทีเป็นนาที จากหลายนาทีเป็นชั่วโมง จากหลายชั่วโมงเป็นหนึ่งวัน....เป็นหนึ่งเดือน...เป็นหนึ่งปี... หลวงพ่อเคยสอนว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อค้นหาทางที่จะไม่ต้องมาเกิดอีก แต่เมื่อเกิดมาแล้วก็หลงลืมเจตนาเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ขอมาเกิดอีก เพราะโลกนี้มีสิ่งยั่วยวนมากมายที่ทำให้คนนั้นหลงระเริงไป คอยชักจูงให้ออกไปไกลจากเป้าหมายเสมอ หนทางที่จะไม่ต้องมาเกิดอีกมีทางสายเอกเพียงสายเดียวเท่านั้น คือ การรู้จักตนเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ การรู้จักตนเองนั้น เริ่มจากการมีสติขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วตามติดด้วยการรู้ลงไปในกายในใจของตนเอง จนพบว่าความจริงที่ว่า กายและใจไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่สามารถบังคับได้ เมื่อรู้ความจริงเกี่ยวกับกายกับใจอย่างเต็มที่แล้ว จิตจะพบกับทางที่ไม่ต้องมาเกิดอีกต่อไปด้วยตัวมันเอง เสียงระฆังดังขึ้นเตือนให้รู้ว่าถึงเวลาที่พระต้องฉันเพลแล้ว ผมก้มลงกราบหลวงพ่อเสมือนว่าเราคงไม่ได้เจอะกันอีกแล้ว เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น เสียงจากปลายสายถามว่า "อี บิท ดา" คืออะไร ผมตอบกลับอย่างทันควันว่า อี

หุ้นค้าปลีกระดับโลก (Global Retail Stock)

ท่ามกลางสายฝนและลมพายุที่กระหน่ำซ้ำไปซ้ำมา ราวกับว่าจะมีภัยพิบัติรออยู่ข้างหน้า รถผมนิ่งสนิทติดอยู่บนทางด่วน ผมหันไปมาเพื่อสำรวจรอบๆว่าผู้คนที่มีชะตากรรมเดียวกันกำลังทำอะไรอยู่ ส่วนใหญ่ที่เห็นทุกคนจ้องมองโทรศัพท์มือถือของตนเอง เหมือนกับว่าได้สิ้นสุดการเดินทางแล้ว คงมีแต่ผมคนเดียวเท่านั้นที่จดจ่ออยู่กับว่าเมื่อไหร่รถจะเคลื่อนตัวซะที เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "หนึ่งนาทีของคนเราไม่เท่ากัน" ดังนั้นหากผมต้องการให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วคงต้องหากิจกรรมสักอย่างหนึ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข ผมเอื้อมมือไปหยิบงบการเงินของบริษัทค้าปลีกระดับโลกที่เก็บไว้มาเกือบ 1 ปี เพื่อวิเคราะห์ว่าบริษัทระดับโลกเขามีอัตราส่วนทางการเงินเป็นอย่างไร จากการวิเคราะห์พบว่าบริษัทแห่งนี้มีอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญดังนี้ 1) ยอดขายเติบโตเฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 10% ต่อปี 2) กำไรจากการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 9% ต่อปี 3) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) เฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 50% 4) อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit Margin) เฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 15% ต่อปี 5) ROIC เฉลี่ย 10 ปี เท่ากับ 30% ต

อัตราผลตอบแทน (ROIC) ตอนที่ 3

จากสมการ ROIC ในตอนที่ 1 และ 2 ซึ่งแสดงไว้ดังนี้ ROIC = EBIT (1-T) x 100% / Invested Capital ROIC = Operating Profit Margin x Capital Turnover x (1-T) x 100% หากวันใดมีที่ท่านต้องการจะสร้างธุรกิจด้วยตนเองท่านอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้ามีเงินลงทุน 100 ล้านบาท ท่านจะต้องสร้างยอดขายต่อปีเท่ากับเท่าไหร่ จึงจะมีผลตอบแทนเท่ากับอุตสาหกรรมที่จะลงทุน ท่านต้องเริ่มหาข้อมูลก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งสามารถค้นหาและอ้างอิงได้จากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าท่านจะทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ 1) หาข้อมูลของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ได้จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2) คำนวณหา ROIC ของแต่ละบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในหมวดอสังหาริมทรัพย์ อ้างอิงสมการได้จากอัตราผลตอบแทนข้างต้น หรือ บทความอัตราผลตอบแทน (ROIC) ตอนที่ 1 3) หาค่าเฉลี่ยของ ROIC ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด เพื่อนำมาเป็นค่าเฉลี่ย ROIC ของอุตสาหกรรม 4) คำนวณหา Operating Profit Margin (OPM) ของแต่ละบริษัทจดทะเบียนฯ อ้างอิงได้จากสมการดังนี้               Operating Profit Margin = EBIT / Sales 5) หาค่าเฉ

อัตราผลตอบแทน (ROIC) ตอนที่ 2

จากบทความก่อนหน้านี้ได้ปรับสมการ ROIC ใหม่ได้ดังต่อไปนี้ ROIC = Operating Profit Margin x Capital Turnover x (1-T) x 100% ....สมการประยุกต์ จากสมการจะเห็นได้ว่า เราสามารถเพิ่ม ROIC ของกิจการได้ ด้วย 2 วิธี คือ 1) เพิ่ม Operating Profit Margin (OPM) การเพิ่ม OPM คือ การเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเทียบกับยอดขาย อันประกอบด้วย การปรับราคาขาย และ/หรือ การลดต้นทุนขาย และการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 2) เพิ่ม Capital Turnover (CT) การเพิ่ม CT คือ การลดเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์สุทธิ สามารถทำได้ดังนี้ ลดเงินสดส่วนเกินที่มีอยู่ในกิจการ กระทำได้โดยการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น หรือ การจ่ายคืนหนี้เงินกู้ยืมที่มีดอกเบี้ย การลดระยะเวลาในการเก็บเงินจากลูกค้า กล่าวคือ พยายามหาช่องทางในการขายสินค้าที่เป็นเงินสดเพิ่มขึ้น จากที่เคยขายทั้งหมดเป็นการให้เครดิต อาจทำได้โดยการออกงานแสดงสินค้าเพื่อขายตรงให้กับลูกค้ารายย่อย ทดแทนรายใหญ่ที่ขายให้เครดิต การลดระยะเวลาในการขายสินค้า กล่าวคือ พยายามขายสินค้าคงเหลือให้เร็วขึ้น ซึ่งสามารถกระทำได้โดยการขายลดราคาสินค้าคงเหลือเป็นประจำทุกปี

อัตราผลตอบแทน (ROIC) ตอนที่ 1

หากท่านเป็นเจ้าของกิจการ และ/หรือ นักลงทุนในหุ้นประเภทถือหุ้นยาวโดยอ้างอิงจากผลประกอบการของบริษัทที่ลงทุน ท่านจำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้จักและเข้าใจ "อัตราผลตอบแทนของกิจการ (Return on Invested Capital : ROIC)"  เนื่องจาก ROIC จะบอกให้ท่านทราบว่าที่ผ่านมากิจการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นเท่าไหร่ต่อปี และหากท่านต้องการเพิ่มผลตอบแทนต้องปรับปรุงรายการใดบ้างในกิจการ สมการของ ROIC แสดงได้ดังนี้ ROIC = EBIT (1-T) x 100% / Invested Capital .... สมการ 0. สามารถเขียนสมการในอีกรูปแบบได้ดังนี้ ROIC = EBIT (1-T)/Sales x Sales / Invested Capital x 100% ROIC = Operating Profit Margin x (1-T) x Capital Turnover x 100% หรือจัดสมการใหม่ให้มีรูปแบบง่ายๆ ดังนี้ ROIC = Operating Profit Margin x Capital Turnover x (1-T) x 100% ....สมการประยุกต์ โดยที่ EBIT = ยอดขาย - ต้นทุนขาย - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร  ......สมการ 1.                     T = อัตราภาษีนิติบุคคล              Invested Capital (IC) = สินทรัพย์ - หนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ย ...........สมการ 2. จากสมการข้างต้นทำ

กู้เงินทำธุรกิจ

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์   หนังสือ E Book "คู่มือ กู้เงินทำธุรกิจ SMEs ด้วยตนเอง"      สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.mebmarket.com   คู่มือ…กู้เงินทำธุรกิจ SMEs ด้วยตนเอง เล่มนี้ เป็นเรื่องราวของนายปานเทพ ชายคนหนึ่งที่ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงานเป็นลูกจ้างมากว่า 10 ปี แต่ผลตอบแทนที่ได้รับจากบริษัทกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาได้ทำให้ ปานเทพทำใจไม่ได้กับความจริงที่ได้รับ เขาจึงทิ้งโลกไปโดยมีเหล้าเป็นเพื่อนคอยปลอบประโลมใจ  แต่แล้วเสียงของหญิงที่รักปานเทพมากที่สุดก็ปลุกให้เขาตื่นจากความผิดหวัง ปานเทพกลับมาในโลกได้เพราะความรักที่แม่มีต่อเขา…รักที่มีแต่ให้…รักที่ไม่มีเงื่อนไข…รักจนลมหายใจสุดท้าย ส่วนความดีของพ่อที่เคยสร้างไว้กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ก็ตอบแทนปานเทพด้วยข้อเสนอทางธุรกิจที่ยากจะปฏิเสธ ทำให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะเจ้าของธุรกิจ SMEs แต่เขาต้องประสบปัญหาเดิมๆที่ผู้ประกอบการแทบทุกคนต้องเจอ คือ การขาดแคลนเงินทุน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกับปานเทพ และต้องการใช้วิธีแก้ปัญหาอย่างเดียวกับเขา คือ “ต้องการกู้เงินจากแบงก์” โดยมีเงื่อนไขว่าต้องกู้ให้ไ

คู่มือหาเงินทำธุรกิจ

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์   หนังสือ E Book "คู่มือ...หาเงินทำธุรกิจ"       สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.mebmarket.com       หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวที่ผู้เขียนต้องการถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาดำเนินชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปในสังคม เรียนจบมาก็เริ่มต้นจากทำงานเป็นลูกจ้างประจำในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนกระทั่งได้รับการส่งเสริมให้มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของบริษัทฯ และโชคชะตาก็ยังคงเป็นใจทำให้เขาได้พบรักกับแฟนสาว ที่สวย แถมยังฉลาดอีกด้วย เมื่อเขาเป็นคนสำคัญของบริษัท ใครๆก็ให้เกียรติและเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง เขาหลงระเริงกับสิ่งเหล่านี้ จนลืมเอาใจใส่ครอบครัวของเขาที่คอยมอบความรักให้เสมอมา    แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผัน เมื่อเขาเริ่มสูญเสียสิ่งที่มีค่าไปทีละอย่างสองอย่าง มันสร้างความเจ็บปวดให้เขาเป็นอย่างมาก เขาจึงเริ่มหันกลับมามองตัวเอง และรู้ว่าสิ่งที่เขาลุ่มหลงอยู่นั้น แท้จริงเป็นเพียงเงาที่ปรากฎอยู่ในน้ำซึ่งจับต้องไม่ได้ และยังคงไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปตามแรงกระเพื่อมของน้ำอยู่ตลอดเวลา   เข

4 Vs ของหุ้น

คิดจะรวยจากหุ้นต้องเข้าใจมูลค่าเรื่องมูลค่าหุ้นก่อนเป็นอันดับแรก หุ้นนั้นประกอบด้วยมูลค่าทั้งหมด 4 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1) มูลหุ้นที่ตราไว้ หรือที่เรียกว่า "Par Value" เป็นราคาหุ้นที่กำหนดไว้นับตั้งแต่ตั้งกิจการ เช่น บริษัท A เปิดกิจการต้องการระดมทุนจากผู้ถือหุ้นเพื่อใช้ทำธุรกิจจำนวน 100 ล้านบาท กำหนดให้มีหุ้นทั้งหมด 10 ล้านหุ้น ดังนั้นราคาหุ้นที่ตราไว้เท่ากับ 10 บาทต่อหุ้น (100/10) มูลค่าหุ้นที่ตราไว้สามารถดูได้จากงบการเงินที่เป็นส่วนงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) ในรายการส่วนของผู้ถือหุ้น 2) มูลค่าหุ้นตามบัญชี หรือที่เรียกว่า "Book Value" เป็นราคาหุ้นที่เกิดจากการทำธุรกิจที่ผ่านมา โดยมีสมการอย่างง่ายๆ                          มูลค่าหุ้นตามบัญชี = มูลค่าที่ตราไว้ + กำไรสะสม ตัวอย่าง สมมติว่าบริษัท A มีมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น ต่อมาทำธุรกิจจนมีกำไรสะสมต่อหุ้นเท่ากับ 20 บาท ดังนั้น มูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 30 โดยมาจากการแทนสมการดังนี้                        มูลค่าหุ้นตามบัญชี = 10 + 20 = 30 บาทต่อหุ้น มูลค่าหุ้นตามบัญชีสามารถคำนวณได้จากงบการเงินล่าสุดท

เขียนแผนธุรกิจ

หากท่านสนใจจะทำธุรกิจส่วนตัวด้วยตนเอง หรือ ต้องการเขียนแผนธุรกิจเพื่อใช้ในงานของตนเอง โดยยังคงต้องการรู้การจัดทำประมาณการงบการเงิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากที่ทำให้แผนธุรกิจนั้นสมบูรณ์ครบถ้วน ท่านสามารถอ่านหนังสือ  “เขียนแผนธุรกิจ  สร้างงบการเงิน ด้วยตนเอง”   หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนเรียบเรียงจากประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับความคิดความเข้าใจเรื่องการวิเคราะห์งบการเงิน การบริหารงบการเงิน และการจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ในช่วงระยะเวลาหลายปี ดังนั้นเทคนิคที่ใช้ในการสร้างแบบจำลองทางการเงิน (Financial Model) จึงเป็นรูปแบบเฉพาะตัว ซึ่งนำมาพัฒนาและดัดแปลงให้ง่ายในการเรียนรู้ โดยใช้เพียงฟังก์ชันพื้นฐานของโปรแกรม EXCEL และการสร้างแผนธุรกิจนี้ได้มีการอ้างถึงหลักการบัญชีและการเงินพื้นฐาน ซึ่งสรุปเนื้อหาเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายในการจดจำและทำความเข้าใจ ตลอดระยะเวลาการเขียนหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติให้แก่ผู้อ่านมากที่สุดเสมือนเป็นการสนทนาร่วมกันระหว่างผู้อ่านกับผู้เขียน โดยที่ผู้อ่านควรทดลองปฏิบัติการสร้างแบบจำลองในระหว่างการอ่านด้วย เพื่อให้เกิดคว

ทำธุรกิจส่วนตัว ใครว่ายาก…

จากการที่ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือหลากหลายประเภท โดยเฉพาะหนังสือที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ คือ หนังสือที่มีเนื้อหาอ่านแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ เพราะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปในการอ่าน เนื่องจาก “เวลา คือ ชีวิต นั่นเอง”   สำหรับหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจและสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนชีวิตจากลูกจ้างมาเป็นเจ้าของธุรกิจ คือ หนังสือ “ทำธุรกิจส่วนตัว ใครว่ายาก….” เป็นผลงานของ บริษัท เอฟ พี เอ็ม คอนซัลแท้นท์ จำกัด ซึ่งผู้เขียนเองเป็นเจ้าของบริษัทฯ และสามารถสร้างธุรกิจขึ้นมาจากสองมือเปล่า อีกทั้งเนื้อหาของหนังสือแทบทั้งหมดกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ทำธุรกิจล้วนๆ มันจึงมีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งที่ผมควรจะแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้แก่สังคม เนื้อเรื่องของหนังสือเป็นการถามและตอบ ระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ โดยลูกศิษย์ตั้งใจจะลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งการที่ลูกศิษย์ต้องการจะทำธุรกิจส่วนตัวจึงเกิดคำถามมากมาย ส่วนอาจารย์เองก็สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างตรงไปตรงมาตามหลักวิชาการ และอ้างอิงประสบการณ์ในการทำธุรกิจของตนเองที่ผ่านมาโชกโชน อาจารย์สอน….วิธีค้นหาธุรกิจด้วยตนเอง…อุบายในการเอาชนะจิตใจ

Beta หุ้น

ค่า Beta หุ้น เป็นการวัดความเสี่ยงของหุ้นเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ ขอขยายความดังนี้ หุ้น A ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยมีค่า Beta เท่ากับ 1.0 หมายถึง ราคาหุ้น A จะเคลื่อนไหวเท่ากับการเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย หรือ เท่ากับ SET INDEX ตัวอย่างเช่น หุ้น A มี Beta เท่ากับ 1.0 ดังนั้นหาก SET INDEX เพิ่มขึ้น 10% ราคาหุ้นต้องเพิ่มขึ้น 10% เท่ากัน เป็นต้น ในทำนองเดียวกัน หาก SET INDEX ลดลง 10% ราคาหุ้นต้องลดลง 10% เท่ากัน หุ้น B ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยมีค่า Beta เท่ากับ 2.0 หมายถึง ราคาหุ้น B จะเคลื่อนไหวเป็น 2 เท่าของการเคลื่อนไหว SET INDEX ตัวอย่างเช่น หุ้น B มี Beta เท่ากับ 2.0 ดังนั้นหาก SET INDEX เพิ่มขึ้น 10% ราคาหุ้นต้องเพิ่มขึ้น 20% เป็นต้น ในทำนองเดียวกัน หาก SET INDEX ลดลง 10% ราคาหุ้นต้องลดลง 20% หุ้น C ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทยมีค่า Beta เท่ากับ 0.5 หมายถึง ราคาหุ้น B จะเคลื่อนไหวเป็นครึ่งหนึ่งของการเคลื่อนไหว SET INDEX ตัวอย่างเช่น หุ้น C  มี Beta เท่ากับ 0.5 ดังนั้นหาก SET INDEX เพิ่มขึ้น 10% ราคาหุ้นต้องเพิ่มขึ้น 5% เป็นต้น ใ

หลักเกณฑ์การวัดหุ้นถูก...แพง

การวัดว่าหุ้นถูกหรือแพง สามารถวัดได้จากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value : IV) นั้นเทียบกับราคาตลาด (Market Price : MP) ในขณะนั้น หาก IV มากกว่า MP แสดงว่าราคาหุ้นถูก ในทางกลับกันหาก IV ต่ำกว่า MP แสดงว่าราคาหุ้นแพง เขียนเป็นสมการได้ดังนี้ X = IV – MP หาก X เป็นบวก แสดงว่าหุ้นถูก หรือ หุ้นต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued) ควร “ซื้อ” หาก X เป็นลบ แสดงว่าหุ้นราคาแพง หรือ หุ้นสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Overvalued) ควร “ขาย” ตัวอย่างเช่น หุ้น ABC มี IV เท่ากับ 10 บาท และ MP เท่ากับ 5 บาท ดังนั้น กรณีนี้หุ้น ABC เป็นหุ้นราคาถูก เพราะ IV มากกว่า MP เท่ากับ 5 บาท (10 – 5) ดังนั้นสรุปได้ว่าหุ้น ABC ควรซื้อ แต่สมมติว่าต่อมาหุ้น ABC ราคาเพิ่มขึ้นเป็น 15 บาท ดังนั้นกรณีหุ้น ABC เป็นหุ้นราคาแพง เพราะ IV ต่ำกว่า MP เท่ากับ 5 บาท (5-10) สรุปได้ว่าหุ้น ABC หากมีควรขาย แต่หากเป็นนักเก็งกำไรก็ยืมหุ้นมาขาย (Short) และรอให้หุ้นตกลงมาแล้วซื้อหุ้นคืน การคำนวณหา IV สามารถทำได้โดยการคำนวณโดยใช้แบบจำลองกระแสเงินสดส่วนลด (Discounted Cash Flow : DCF) โดยรายละเอียดท่านสามารถอ่านได้ในหนังสือ &quo

เจ้าสัว...ทำงานเพื่อค้นพบตัวเอง

สงกรานต์ปี 2556 ที่ผ่านมา เจ้าสัวได้เล่าระลึกถึงความหลังครั้งเมื่อสมัยเด็ก แกเล่าให้ฟังว่า แกเกิดมาในครอบครัวยากจนมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันทั้งหมด 4 คน แกเป็นพี่คนโตสุด มีน้องสาว 2 คน และน้องชายสุดท้องอีก 1 คน พ่อกับแม่เป็นคนจีนที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เดินมาเมืองไทยด้วยสองมือเปล่า แต่เต็มไปด้วยจิตใจที่เป็นนักต่อสู้ ขยันแบบทะลุโลก อดทนทุ่มเทอย่างคนทั้งโลกต้องยอมรับ แต่ที่สำคัญที่สุดแม้ยากจนอย่างไรแต่ครอบครัวของแกก็รักกันมาก ซึ่งสามารถชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปไม่ว่าจะเป็นความลำบากกายในการยังชีพ และลำบากใจจากการทนต่อการดูถูกเหยียดยามจากสังคมรอบตัวในเวลานั้น  นับตั้งแต่แกจำความได้ แกไม่เคยเห็นพ่อกับแม่หยุดทำงานเพื่อจะไปเที่ยวที่ไหน แกเห็นท่านทั้งสองทำงานอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นจนหลับ แกเคยถามพ่อว่าทำไมถึงต้องทำงานหนักขนาดนี้ พ่อหันมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังคงตรึงอยู่ในใจแกว่า  “ทำงานเพื่อให้ครอบครัวเรามีชีวิตที่ดีขึ้น และลูกๆได้มีอนาคตได้ทำตามความฝันของตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำงานเพื่อตัวเอง และสะสมนิสัยเหลื่านี้ให้ติดตัวไปอีกนานแสนนาน” แกย้อนมาสอนผมว่า คนทำงานแทบทุกคนคิดว่าการไปท

ต้นทุนเงินทุน (WACC)

ต้นทุนเงินทุน (Cost of Capital) หรือ ที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไป คือ WACC (Weighted Average Cost of Capital) หมายถึง ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของเงินทุน  มีประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ควรลงทุนในโครงการใดบ้างของบริษัท เช่น คุ้มค่าหรือไม่ที่จะลงทุนในโครงการใหม่ของบริษัท เป็นต้น อีกทั้ง WACC นี้ยังสามารถใช้ในการคำนวณหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value of Stock) ได้อีกด้วย WACC ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ประเภท คือ :- ประเภทที่ 1 ต้นทุนจากการเงินกู้ยืม หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (kd)   ประเภทที่ 2 ต้นทุนจากเงินทุนของผู้ถือหุ้น  หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (ke) เพื่อความง่ายในการทำความเข้าใจ WACC ขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้ บริษัท A มีเงินทุนประกอบด้วย เงินกู้จากเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ย 100 ล้านบาท และเงินทุนจากผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท ดังนั้นเงินทุนทั้งหมดของกิจการ A คือ เงินกู้จากเจ้าหนี้ฯ + เงินทุนจากผู้ถือหุ้น = 100 + 100 ล้านบาท เท่ากับ 200 ล้านบาท 1) เจ้าหนี้ธนาคารคิดอัตรา

การเดินทางสู่ความร่ำรวย...เป้าหมาย

เจ้าสัวเขียนจดหมายส่งมาให้กับผมโดยมีข้อความบางส่วนดังนี้ เรื่อง : เป้าหมาย ทุกเช้าตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมคิดถึงแต่เรื่องความร่ำรวย เพราะมันช่วยทำให้ชีวิตมีแรงบันดาลใจ...ชีวิตกล้าเสี่ยงที่จะเดินออกจากความจำเจ...ชีวิตที่มีอะไรมากกว่าการกิน เดิน นั่ง นอน...ชีวิตที่เต็มไปด้วยความฝัน เหมือน เด็กชายฝันจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ เด็กหญิงฝันจะเป็นเจ้าหญิงแสนสวยรวยเสน่ห์มีแต่คนรักคนชอบ... (ความฝันไม่มีวันหมดอายุ) ผมคิดเสมอว่า ความร่ำรวยเป็นเป้าหมายของชีวิต เพราะนักจิตวิทยาระดับโลกทุกคนบอกว่าชีวิตต้องมีเป้าหมาย เพราะเมื่อมีเป้าหมายแล้วจิตจะสามารถแสดงพลังแฝงที่อยู่ในตัวเราออกมาให้เห็นและวิ่งเข้าสู่เป้าหมายเองอย่างอัตโนมัติ เปรียบเสมือนจรวดนำวิธีที่พุ่งเข้าใส่เป้าที่กำหนดไว้ หากนำมาเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจพบว่าธุรกิจที่ดีต้องมีเป้าหมายชัดเจน หากเป็นไปได้ต้องกำหนดเป็นตัวเลขเพราะวัดผลได้ชัดเจน และมีระยะเวลากำหนดไว้ด้วยได้ยิ่งดี ตัวอย่าง:- 1) ยอดขายเติบโตขึ้น 30% เทียบจากปีก่อน 2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ต้องเท่ากับ 50% ของยอดขาย 3) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15% จากปี

ปาฎิหาริย์แห่งความโง่

ใครๆ ก็เกลียดความโง่ เพราะคนส่วนมากคิดว่า....ความโง่เป็นสิ่งเลวร้ายในชีวิต นำมาซึ่งการถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนที่ฉลาดกว่าอยู่เสมอ..... ความโง่เป็นสิ่งที่สกัดกั้นความสำเร็จของชีวิต.... ความโง่ทำให้รู้สึกต้อยต่ำจนอยากหนีหายจากสังคม.... ความโง่ทำให้ไม่อยากมีชีวิตอยู่เพราะทนกับการเหยียดหยามจากผู้อื่นไม่ได้....ความโง่จึงเป็นเปรียบเหมือนมะเร็งของชีวิต...ใส้ติ่งของร่างกาย...และอื่นๆอีกมากมาย (เขียนเป็นร้อยหน้าก็ไม่หมด) แต่หากมองย้อนกับไปยังประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจของโลกจะพบว่า ความโง่เป็นต้นกำเนิดของวิวัฒนาการทั้งหลายทั้งปวง เริ่มนับตั้งแต่ "ยุคเกษตรกรรม" หากคิดว่าตัวเองฉลาดคงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ "ยุคอุตสาหกรรม" และหากคิดว่าตัวเองฉลาดอีก...คงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ "ยุคสื่อสาร" คือเกิดโทรทัศน์มือถือ เกิดดาวเทียม เกิดอินเตอร์เน็ท และหากคิดว่าตัวเองฉลาดอีกอีก...คงไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่ "ยุคอนาคต" ซึ่งอาจจะเป็น ยุคอวกาศ ใครๆก็อยากไปเที่ยวนอกโลก ใครๆก็อยากไปมีบ้านส่วนตัวในดาวอีกดวงหนึ่ง ใครๆก็อยากไปเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดกาลด้วยยาที่ผลิตในอวก

ปฎิหาริย์แห่งความจน

ใครบอกว่าเกิดมาจนแล้วจะจนจนวันตาย ใครบอกว่าเกิดมาจนแล้วจะหมดอนาคต ใครบอกว่าเกิดมาจนแล้วจะหมดความหมาย โครบอกว่าเกิดมาจนแล้วจะหมด...อื่นๆอีกมากมาย จริงแล้วความจนเป็นพรอันวิเศษของชีวิต ทำให้เราได้พบกับความหมายหลายสิ่งหลายอย่างในโลกใบนี้ที่คนไม่จนจะไม่มีวันรู้...ไม่มีวันเข้าใจ ความจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนนั้นได้เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำตัวเองให้พ้นจากวังวนแห่งความยากจน และคนจนจำนวนมากกลับกลายเป็นบุคคลร่ำรวยและมีอิทธิพลกับโลกใบนี้ เพราะเมื่อเขาเป็นมหาเศรษฐี เขาจะคิดที่จะให้.....ให้...และก็ให้ เพราะเขาเคยจนมาก่อน เขาเข้าใจมันดีกว่าใครๆ ความจนทำให้เขากล้าที่เสี่ยง เพราะเขาไม่มีอะไรที่เสียไป เขารู้ดีว่าเสี่ยงหรือไม่เสี่ยงก็มีค่าเท่ากัน แล้วทำไมจึงไม่เสี่ยง เผื่อปฏิหาริย์นั้นมีจริง ความจนทำให้เขาค้นพบตัวเอง เพราะเขาไม่มีทรัพย์สินใดต้องใส่ใจและบำรุงรักษา เขาจึงมีเวลาเพียงพอที่จะอยู่กับตัวเอง...อยู่กับความฝัน...อยู่กับความสุขที่เรียบง่าย แค่เสียงลมพัดใบไม้ก็ไพเราะเหลือเกิน ความจนทำให้เขารู้จักเพื่อนแท้ เพราะการคบกับใคร หรือ ใครคบกับเขา ก็มีเพียงใจแลกกันเท่านั้น เขาจึงมีเพื่อนแท้อยู

เจ้าสัว...แผนฟื้นฟูกิจการ ตอนที่ 2

หลังจากเวียนเทียนที่วัดเสร็จ ผมก็ได้แยกกับเจ้าสัวและมาถึงที่บ้านประมาณ 3 ทุ่มเศษ ใจผมยังคงสงบเยือกเย็นปรากฎให้เห็นอยู่ ผมจึงได้ตัดสินใจนั่งสมาธิโดยตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิประมาณครึ่งชั่วโมง เพราะวันนี้เป็นวันพระใหญ่ ซึ่งผมไม่เคยนั่งสมาธิเลยนับตั้งแต่สึกจากการบวชพระมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ในระหว่างที่จิตจะรวมเป็นสมาธิ ผมเกิดนิมิตเห็นภาพของกิจการค้าปลีกเครือข่ายที่เฮียฝากไว้ มีการขยายสาขาออกไปทั่วประเทศไทย ทั้งที่ในปัจจุบันมีเฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น และภาพนิมิตนั้นเปลี่ยนไปเป็นกิจการนี้กำลังเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และผู้บริหารบริษัททุกคนรวมทั้งเฮียและผมกำลังลุ้นอยู่ว่าราคาเปิดจะวิ่งเกินราคาจอง (IPO) หรือไม่ ผมลืมตาขึ้นมองที่นาฬิกา ขณะนี้เกือบเที่ยงคืน กลายเป็นว่าได้นั่งสมาธิไป 2 ชั่วโมงกว่า ผมลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะทำงานลงมือเขียนแนวทางในการแก้ปัญหากิจการดังมีรายละเอียดต่อไปนี้ แนวทางแก้ปัญหา (Possible Solutions) ด้านการตลาด วางกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ (Marketing Strategy) วางแผนทางการตลาดใหม่ (Marketing Plan) สื่อสารกลยุทธ์และแผนการตลาดใหม่ให้แก่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย

เขียนแผนธุรกิจ (Business Plan)

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์   หนังสือ E Book "เขียนแผนธุรกิจ สร้างงบการเงิน ด้วยตนเอง"      สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.mebmarket.com     เนื้อหาตัวอย่างการจัดทำงบกำไรขาดทุนล่วงหน้า (Pro Forma Income Statement) โดยใช้ Excel   ภาพที่ 1 : การแสดงสูตรการ Link ไฟล์ Excel     ภาพที่ 2 : ผลลัพธ์จากการคำนวณ   ภาพที่แสดงนี้เป็นเพียงบางส่วน ซึ่งในหนังสือยังสอนการสร้างงบดุลล่วงหน้า (Pro Forma Balance Sheet) และงบกระแสเงินสดล่วงหน้า (Pro Forma Cash Flow) ไว้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสอนการประเมินความคุ้มค่าในการลงทุน โดยใช้เครื่องมือทางการเงิน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ผลตอบแทนที่แท้จริงของการลงทุน (IRR) และระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) แถมด้วยการวิเคราะห์งบการเงินโดยใช้อ้ตราส่วนทางการเงิน (Ratio Analysis) คุ้มจริงๆ อ่านเล่มเดียว เหมือนเข้าเรียนหลักสูตรการบริหารการเงินแทบทั้งหมด หนังสือเล่มนี้เป็นงาน Master Piece ชิ้นหนึ่ง และมันเป็นงานที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปตลอดกาล... และหวังว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตของคุณเช่นเดียวที่เกิดขึ้นกับผมแล้ว

เจ้าสัว...สอนธรรมในวันมาฆบูชา

เจ้าสัวชวนผมไปเวียนเทียนในวันมาฆบูชาเพื่อจะได้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าที่ท่านทรงมีความเมตตาและความกรุณาแก่สัตว์โลกทั้งที่ท่านไม่จำเป็นต้องทำเลยก็ได้ โดยท่านได้แสดงธรรมะอันเป็นหลักคำสอนสำคัญของศาสนา คือ "โอวาทปาฎิโมกท์" ที่กล่าวไว้อย่างย่อดังนี้ "การละเว้นความชั่ว การทำความดี และการทำจิตใจตนเองให้ผ่องใส" เฮียแกอธิบายต่อเพราะเห็นแววตาผมไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้นว่า การละเว้นความชั่ว คือ การไม่ทำผิดทั้งกายและวาจา ได้แก่ การไม่ฆ่าสัตว์ การไม่ลักทรัพย์ การไม่ประพฤติในกาม การไม่พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ และการไม่ดื่มของมึนเมาเพราะเบียดเบียนตนเอง ส่วนการทำความดี คือ การให้ช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์ การให้ทานกับผู้อื่นทั้งทางทรัพย์และทางปัญญา ตามกำลังของตนเอง ส่วนการทำจิตใจตนเองให้ผ่องใส คือ การทำสมาธิให้จิตใจบริสุทธิ์ เพื่อลดความอยากมี อยากเป็น อยากเป็นได้ และการเลิกคิดอาฆาตพยาบาทต่อผู้อื่น กล่าวโดยสรุปด้วยคำพูดสั้นๆว่า "การพยายามมีสติอย่างสม่ำเสมอ" เพราะเมื่อมีสติ เมื่อนั้นจะเกิดการละเว้นความชั่วอัตโนมัติ จะเกิดการทำความดีอัตโนมัติ และจะเกิดจิตใจ

เจ้าสัว...แผนฟื้นฟูกิจการ ตอนที่ 1

เจ้าสัวแกโทรหาผม บอกว่าแกมีธุรกิจที่ร่วมลงทุนไว้หลายแห่งขณะนี้มีอยู่แห่งหนึ่งที่มีปัญหาด้านธุรกิจแกจึงฝากผมเข้าไปคุยกับผู้บริหารแล้วทำแผนฟื้นฟูมาเสนอแก ผมยินดีรับทำด้วยความเต็มใจเพราะน้ำใจแกที่ช่วยเหลือผมมาตลอดและคงชดใช้บุญคุณกันในชาตินี้ไม่มีวันหมด หลังจากผมได้คุยกันผู้บริหารแล้ว ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกแบบเครือข่าย (Chain Stores) กระจายในห้างสรรพสินค้าที่ตั้งในเมืองหลวงทั้งหมดจึงได้สรุปสถานการณ์ปัจจุบันและปัญหาที่พบดังนี้ สถานการณ์ปัจจุบัน (Today's Situation) อุตสาหกรรมธุรกิจค้าปลีกแบบนี้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวมาเกือบ 1 ปี การแข่งขันรุนแรงเพิ่มขึ้น คู่แข่งใช้กลยุทธ์ด้านลดราคาสินค้า ต้นทุนการสินค้าสูงขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นของค่าแรง และวัตถุดิบการผลิต  การปรับขึ้นของค่าเช่าในห้างสรรพสินค้า เจ้าหนี้การค้า (Suppliers) ลดระยะเวลาการให้เครดิตสินค้า เจ้าหนี้ธนาคารขอลดวงเงินกู้หมุนเวียน (Working Capital) ยอดขายประจำปีลดลงและขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นอย่างมาก ส่วนครองตลาด(Market Share) ของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่พบ (Problem Findings)   ด้านการตลาด

เจ้าสัว...สอนการเป็นนักบริหารชั้นเยี่ยม (ต่อ)

ระหว่างที่ผมขับรถกลับจากพบเจ้าสัว จิตผมคุ้นคิดเกี่ยวกับคำสอนของแกที่กล่าวก่อนแยกจากกันว่า การเป็นนักบริหารชั้นเยี่ยมได้นั้นจะต้องเริ่มต้นจาก เก่งงาน (Technical Skill) คือ ทำงานในสายงานของตนเองให้ได้อย่างน้อย 10 ปี เพราะเป็นช่วงระยะเวลาที่ความรู้จะปรับเปลี่ยนไปสู่ความเข้าใจ โดยกระบวนการเปลี่ยนความรู้เป็นความเข้าใจได้นั้นต้องอาศัยการปฏิบัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เมื่อเก่งงานแล้ว ก็ต้องฝึกฝนตนเองในเรื่องการสร้างทีมงาน คือ การเก่งคน (Human Skill) เพราะการทำงานใหญ่ได้นั้นต้องอาศัยทีมงาน โดยทีมงานต้องมีจิตวิญญาณรวมกัน (Team Spirit) มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีความสามัคคีกัน มีความเห็นอกเห็นใจและส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยบุคคลที่จะสร้าง Team Spirit ได้นั้นต้องเป็นผู้บริหารเท่านั้น เมื่อเก่งงาน และเก่งคนได้แล้ว ผู้บริหารต้องพัฒนาตนเองให้การเก่งคิด (Conceptual Skill) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผนสำหรับธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) และสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจ ซึ่งนำไปสู่การมีชีวิตที่ดีขึ้นของบุคคลในองค์กร หากนำทั้งสามเก่งรวมกันเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับธุรกิ

เจ้าสัว...สอนการเป็นนักบริหารชั้นเยี่ยม

เจ้าสัวบอกกับผมว่า "ปี 2557 นี้ เป็นอีก 1 ปีที่ท้าทายมากสำหรับการทำธุรกิจ เพราะสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว และหนักที่สุดคือ ไตรมาสที่ 4 ที่มีบ้านเมืองเรามีปัญหาจากการเมือง และค่าดว่าปีนี้คงเป็นอีกปีที่สาหัสไม่น้อยกว่าปีก่อน แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวโดยมีหัวหอกหลัก คือ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น" เจ้าสัวเสริมต่อว่า "การทำธุรกิจต้องรู้จักปรับตัวเองอยู่เสมอ รู้จักว่าวิเคราะห์ตลาดของตนเอง บริหารจัดการภายในองค์กรตนเอง รวมไปถึงรู้จักวิเคราะห์คู่แข่ง" "สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ คือ ผู้บริหารองค์กรโดยเฉพาะผู้บริหารสูงสุด เพราะผู้บริหารสูงสุด คือคนที่มีอำนาจมากที่สุดจะเป็นกำหนดความเติบโตมั่งคั่งขององค์กร หรือนำความวิบัติมาสู่องค์กร" กรณีที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ การที่ผู้บริหารองค์กรมีการตัดสินใจผิดครั้งใหญ่ เช่น ลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้วไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ นำไปสู่การขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และการล้มละลายขององค์กรในที่สุด หรือ นำไปสู่การขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลส่งผลให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงเป็นอย่างม