ลูกศิษย์ : เราจะทราบได้อย่างไร ว่าเราประสบความสำเร็จในการลงทุน เพราะบางคนกำไร 1.0 ล้านบาท บางคนกำไร 0.1 ล้านบาท
อาจารย์ : การวัดความสำเร็จในการลงทุนนั้น ต้องวัดจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ เรียกว่า “Return On Investment : ROI” ซึ่งมีสมการดังนี้
อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI) = กำไรที่เกิดจากการลงทุน x 100% / เงินลงทุน
ตามคำถามของคุณ อาจารย์ขอแยกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เราลงทุนหุ้น 100 ล้านบาท และมีกำไรทั้งปีเท่ากับ 1 ล้านบาท ดังนั้น ROI = 1% ต่อปี มาจาก:-
อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI) = 1 x 100% / 100 = 1% ต่อปี
กรณีที่ 2 เราลงทุนหุ้น 1 ล้านบาท และมีกำไรทั้งปีเท่ากับ 0.1 ล้านบาท ดังนั้น ROI = 1% ต่อปี มาจาก:-
อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI) = 0.1 x 100% / 1 = 10% ต่อปี
ดังนั้นจะเห็นว่า หากดูเฉพาะตัวเงินเปรียบเทียบกัน พบว่ากรณีที่ 1 มีกำไร มากกว่า กรณีที่ 2 ถึง 10 เท่า (1.0 / 0.1) แต่หากพิจารณาจาก ROI พบว่า
กรณีที่ 2 มี ROI สูงกว่า กรณีที่ 2 ถึง 10 เท่า (10% / 1%) ซึ่งสรุปได้ว่า กรณีที่ 2 เป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากรณีที 1 อย่างเทียบกันไม่ติด
ลูกศิษย์ : แต่กำไร 1 ล้านบาท ก็มากกว่า กำไร 0.1 ล้านบาท อยู่ดี
อาจารย์ : ก็เพราะคนทั่วไปคิดกันแบบคุณนี่แหล่ะ จึงทำให้ส่วนใหญ่ไม่รวยซักที เพราะติดในภาพมายาเรื่องจำนวนเงิน คุณลองคิดดูหากคุณเป็นคนในกรณีที่ 1 แล้วคุณใช้ ROI วัดอัตราผลตอบแทน คุณจะรู้ว่าไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ซึ่งนำไปสู่กระบวนการคิดใหม่ว่าทำอย่างไรจึงจะเพิ่มอัตราผลตอบแทนได้ และนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมในการลงทุนตามมาเป็นลำดับ แต่หากคุณไม่รู้ คุณก็ยังคิดเหมือนเดิม และทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมอีกในอนาคต
ลูกศิษย์ : อาจารย์จะบอกผมว่า แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยนแล้วใช่หรือไม่
อาจารย์ : ถูกต้อง…ความคิดความเห็นที่ถูกต้อง นำไปสู่ความรู้ความเข้าใจ และกลับกลายเป็นหนทางแห่งความร่ำรวย เพราะความคิดที่ถูกต้องจะทำให้เงินเติบโตเป็นกองเงิน และจากกองเงินจะกลายเป็นขุมทรัพย์ในที่สุด
ลูกศิษย์จ้องมองอาจารย์อย่างไม่กระพริบตา เพราะเขารู้ดีว่ามีคนรวยมากมายในโลกใบนี้ ที่เริ่มต้นจากคนไม่มีเงิน แล้วกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ นี่คงเป็นเพราะความคิดความเห็นที่ถูกต้อง
อาจารย์ : การวัดความสำเร็จในการลงทุนนั้น ต้องวัดจากอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ เรียกว่า “Return On Investment : ROI” ซึ่งมีสมการดังนี้
อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI) = กำไรที่เกิดจากการลงทุน x 100% / เงินลงทุน
ตามคำถามของคุณ อาจารย์ขอแยกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เราลงทุนหุ้น 100 ล้านบาท และมีกำไรทั้งปีเท่ากับ 1 ล้านบาท ดังนั้น ROI = 1% ต่อปี มาจาก:-
อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI) = 1 x 100% / 100 = 1% ต่อปี
กรณีที่ 2 เราลงทุนหุ้น 1 ล้านบาท และมีกำไรทั้งปีเท่ากับ 0.1 ล้านบาท ดังนั้น ROI = 1% ต่อปี มาจาก:-
อัตราผลตอบแทนของนักลงทุน (ROI) = 0.1 x 100% / 1 = 10% ต่อปี
ดังนั้นจะเห็นว่า หากดูเฉพาะตัวเงินเปรียบเทียบกัน พบว่ากรณีที่ 1 มีกำไร มากกว่า กรณีที่ 2 ถึง 10 เท่า (1.0 / 0.1) แต่หากพิจารณาจาก ROI พบว่า
กรณีที่ 2 มี ROI สูงกว่า กรณีที่ 2 ถึง 10 เท่า (10% / 1%) ซึ่งสรุปได้ว่า กรณีที่ 2 เป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากกว่ากรณีที 1 อย่างเทียบกันไม่ติด
ลูกศิษย์ : แต่กำไร 1 ล้านบาท ก็มากกว่า กำไร 0.1 ล้านบาท อยู่ดี
อาจารย์ : ก็เพราะคนทั่วไปคิดกันแบบคุณนี่แหล่ะ จึงทำให้ส่วนใหญ่ไม่รวยซักที เพราะติดในภาพมายาเรื่องจำนวนเงิน คุณลองคิดดูหากคุณเป็นคนในกรณีที่ 1 แล้วคุณใช้ ROI วัดอัตราผลตอบแทน คุณจะรู้ว่าไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน ซึ่งนำไปสู่กระบวนการคิดใหม่ว่าทำอย่างไรจึงจะเพิ่มอัตราผลตอบแทนได้ และนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมในการลงทุนตามมาเป็นลำดับ แต่หากคุณไม่รู้ คุณก็ยังคิดเหมือนเดิม และทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมอีกในอนาคต
ลูกศิษย์ : อาจารย์จะบอกผมว่า แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยนแล้วใช่หรือไม่
อาจารย์ : ถูกต้อง…ความคิดความเห็นที่ถูกต้อง นำไปสู่ความรู้ความเข้าใจ และกลับกลายเป็นหนทางแห่งความร่ำรวย เพราะความคิดที่ถูกต้องจะทำให้เงินเติบโตเป็นกองเงิน และจากกองเงินจะกลายเป็นขุมทรัพย์ในที่สุด
ลูกศิษย์จ้องมองอาจารย์อย่างไม่กระพริบตา เพราะเขารู้ดีว่ามีคนรวยมากมายในโลกใบนี้ ที่เริ่มต้นจากคนไม่มีเงิน แล้วกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ นี่คงเป็นเพราะความคิดความเห็นที่ถูกต้อง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น