ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เล่นหุ้นอย่างมีจินตนาการ ตอนที่ 2

ลูกศิษย์ : ครั้งที่แล้ว อาจารย์ให้ผมจินตนาการ ว่าหุ้น A ราคาตกลงจาก 100 บาท เหลือ 50 บาท แล้วต่อมาราคาเด้งกลับมาที่ 100 บาท เหมือนเดิมก่อนตก แต่ยังไม่ได้พูดถึง “ปรัชญาการลงทุนที่สำคัญ ก็คือ ราคาหุ้นจะปรับตัวเข้าใกล้มูลค่าที่แท้จริงของมันเองเสมอ (Intrinsic Value : V) ในระยะยาว” อาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ

อาจารย์ : จะเห็นว่าราคาหุ้นที่ยกตัวอย่างนั้น ยังไม่ได้พูดถึงมูลค่าที่แท้จริง สมมติว่า หุ้น A มีมูลค่าหุ้นที่แท้จริงเท่ากับ 200 บาท ดังนั้นจะเห็นว่าหุ้นก่อนตกคือ ราคา 100 บาท ก็ต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่ 200 บาท โดยสามารถคำนวณหาส่วนลดมูลค่าหุ้น (Share Discount) ได้ดังนี้

ส่วนลดมูลค่าหุ้น = (มูลค่าหุ้น – ราคาหุ้น) x 100% / มูลค่าหุ้น

สามารถคำนวณส่วนลดมูลค่าหุ้น A โดยการแทนค่าในสมการได้ดังนี้

ส่วนลดมูลค่าหุ้น = (200 – 100) x 100% / 200 = 50%

หากหุ้น A ตกลงมาเหลือ 50 บาท ดังนั้นส่วนลดมูลค่าหุ้นจะเท่ากับ 75% จะเห็นได้ว่าหุ้น A ถูกสุดๆ เหมือนฤดูกาลลดราคาสินค้าในห้างเลย แบบนี้เราต้องรีบ shopping เลย มีเท่าไหร่ซื้อหมด ซื้อแบบหมดตัว

แต่หากหุ้น A ในอนาคตเด้งกลับไปสูงกว่าราคาเดิมที่ 100 บาท เรายังไม่ต้องขายเพราะมันยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 200 บาท รออีกจนราคาหุ้นวิ่งไปที่ 200 บาท เพราะเราเชื่อมั่นว่าราคาหุ้นจะวิ่งไปที่มูลค่าหุ้นที่แท้จริงเสมอ

ดังนั้นกรณีนี้ คุณลองจินตนาการดู คุณจะซื้อหุ้น A ที่ 50 บาท แต่ขายมันที่ 200 บาท จะเห็นว่าคุณทำกำไรได้เท่ากับ 150 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเท่ากับ 300% โดยสามารถแสดงรายการคำนวณได้ดังนี้

อัตราผลตอบแทน = กำไร x 100% / เงินลงทุน

อัตราผลตอบแทน = (200 -50) x 100% / 50 = 300%

จะเห็นว่าหากรีบขายหุ้น A ที่ 100 บาท จะทำให้มีอัตราผลตอบแทนเท่ากับ 100% แต่หากเรารู้มูลค่าหุ้นที่แท้จริง เราจะรอ และขายมันที่ 200 บาท จะทำให้อัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก 100% เป็น 300%

ลูกศิษย์ : แค่จินตนาการก็มีความสุขแล้วครับ

อาจารย์ : ใช่ สุขแล้วสุขอีก การเล่นหุ้นต้องแบบนี้ มีความสุขแล้วก็รวยด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระบวนการลงทุนแนว VI

ควรมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเท่าไหร่ดี

ถาม : ดิฉันกำลังคิดจะทำธุรกิจ อยากทราบว่าควรมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเท่าไหร่ดีค่ะ ตอบ : คุณต้องประมาณเงินลงทุนทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ (1) ประมาณการเงินลงทุนสินทรัพย์ถาวร (2) ประมาณการเงินหมุนเวียนสุทธิ (Net Working Capital)  หลังจากนั้นคุณก็นำรายการที่ (1) บวกกับรายการที่ (2) แล้ว ผลรวมที่ได้คือ เงินลงทุนทั้งหมด ในกรณีที่คุณไม่ต้องการกู้เงิน เงินลงทุนทั้งหมดจะเป็นทุนที่ชำระแล้ว ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้ว่า ผู้ถือหุ้นต้องชำระค่าหุ้นขั้นต่ำ 25% ของทุนจดทะเบียน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณจดทะเบียน 1.0 ล้านบาท คุณต้องชำระค่าหุ้นขั้นต่ำ 250,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 75% ถือว่าเป็นภาระผูกพันของผู้ถือหุ้นที่มีต่อบริษัท ดังนั้นในกรณีที่บริษัทดำเนินธุรกิจจนเจ๊ง เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิบังคับให้ผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นคงเหลืออีก 75% ซึ่งหมายความว่า หุ้นที่ชำระไม่ครบ 75% มีสถานะเป็นหนี้ของผู้ถือหุ้นนั่นเอง ตัวอย่าง การประมาณงินลงทุน เช่น บริษัท ABCD จำกัด มีสมมติฐานว่าปีหน้าจะมียอดขายประมาณ 10 ล้านบาท ต้นทุนขายประมาณ 7.5 ล้านบาท และงบประมาณการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร...

ช่วงเวลาในการซื้อขายหุ้น (Investment Timing)

ราคาหุ้นในตลาดหุ้น (Market Price) ถูกกำหนดมาจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยมีรายละเอียดดังนี้ ปัจจัยภายนอก (External Factor) คือ ปัจจัยที่ไม่ได้มาจากกิจการโดยตรงซึ่งเป็นปัจจัยที่กิจการไม่สามารถควบคุมได้ เช่น กระแสเงินเงินทุนไหลออกและไหลเข้า (Fund Flow) วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ การอัดฉีดเงินของธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรป การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การปรับลดค่าเงินหยวน สงครามระหว่างประเทศและการก่อการร้ายในกลุ่มประเทศยุโรป จนถึง ตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรุนแรง การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล การปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของธนาคาร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ปัจจัยภายใน (Internal Factor) คือ ปัจจัยที่มาจากกิจการโดยตรง เช่น การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ การขายหุ้นเพิ่มทุน การควบรวมกิจการ การซื้อและขายกิจการ การเพิ่มอัตราการก่อหนี้ในกิจการ การปิดบริษัทย่อย...

ต้นทุนเงินทุน (WACC)

ต้นทุนเงินทุน (Cost of Capital) หรือ ที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไป คือ WACC (Weighted Average Cost of Capital) หมายถึง ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของเงินทุน  มีประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ควรลงทุนในโครงการใดบ้างของบริษัท เช่น คุ้มค่าหรือไม่ที่จะลงทุนในโครงการใหม่ของบริษัท เป็นต้น อีกทั้ง WACC นี้ยังสามารถใช้ในการคำนวณหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value of Stock) ได้อีกด้วย WACC ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ประเภท คือ :- ประเภทที่ 1 ต้นทุนจากการเงินกู้ยืม หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (kd)   ประเภทที่ 2 ต้นทุนจากเงินทุนของผู้ถือหุ้น  หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (ke) เพื่อความง่ายในการทำความเข้าใจ WACC ขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้ บริษัท A มีเงินทุนประกอบด้วย เงินกู้จากเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ย 100 ล้านบาท และเงินทุนจากผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท ดังนั้นเงินทุนทั้งหมดของกิจการ A คือ เงินกู้จากเจ้าหนี้ฯ + เงินทุนจากผู้ถือหุ้น = 100 + 100 ล้านบาท เท่ากับ 200 ล...

ควรตั้งเป้ายอดขายขั้นต่ำเท่าไหร่

ถาม : ตอนนี้ผมทำธุรกิจส่วนตัว และต้องการตั้งเป้าหมายการขายให้กับฝ่ายขาย อาจารย์พอจะมีวิธีที่ใช้ประมาณการขายหรือเปล่าครับ ตอบ : การตั้งเป้าหมายในการขายให้กับฝ่ายขาย เราสามารถคำนวณหาได้จากจุดคุ้มทุนขาย (Break-Even point of Sales) คือ ยอดขายที่ทำไม่มีผลกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ หรือ ยอดขายที่พอดีกับค่าใช้จ่ายของกิจการ หรืออีกนัยหนึ่ง คือยอดขายขั้นต่ำที่ต้องให้กับฝ่ายขาย โดยมีสูตรดังนี้                                              จุดคุ้มทุนขาย  =   ค่าใช้จ่ายคงที่                                                  ...