ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ต้นทุนเงินทุน (WACC)

ต้นทุนเงินทุน (Cost of Capital) หรือ ที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไป คือ WACC (Weighted Average Cost of Capital) หมายถึง ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของเงินทุน มีประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ควรลงทุนในโครงการใดบ้างของบริษัท เช่น คุ้มค่าหรือไม่ที่จะลงทุนในโครงการใหม่ของบริษัท เป็นต้น อีกทั้ง WACC นี้ยังสามารถใช้ในการคำนวณหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value of Stock) ได้อีกด้วย

WACC ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ประเภท คือ :-

ประเภทที่ 1 ต้นทุนจากการเงินกู้ยืม หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (kd)
 
ประเภทที่ 2 ต้นทุนจากเงินทุนของผู้ถือหุ้น  หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (ke)

เพื่อความง่ายในการทำความเข้าใจ WACC ขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้

บริษัท A มีเงินทุนประกอบด้วย เงินกู้จากเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ย 100 ล้านบาท และเงินทุนจากผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท ดังนั้นเงินทุนทั้งหมดของกิจการ A คือ เงินกู้จากเจ้าหนี้ฯ + เงินทุนจากผู้ถือหุ้น = 100 + 100 ล้านบาท เท่ากับ 200 ล้านบาท

1) เจ้าหนี้ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (kd) เท่ากับ 10% ต่อปี  แต่เนื่องจากดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อนำมาลดภาษีนิติบุคคลได้ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แท้จริงจะเท่ากับ

kd x (1-อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล) โดยประเทศไทยใช้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่ากับ 20% กรณีนี้อัตราดอกเบี้ยจะเท่ากับ 10% x (1-20%) = 8%


2) ผู้ถือหุ้นต้องการผลตอบแทนจากเงินลงทุน หรือ อัตราผลตอบแทนจากปันผล (ke) เท่ากับ 10% ต่อปี


WACC = อัตราส่วนเงินกู้ x อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง + อัตราส่วนเงินทุน x อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล
 
โดยที่ อัตราส่วนเงินกู้ = เงินกู้ / (เงินกู้ + เงินทุนจากผู้ถือหุ้น)

           อัตราส่วนเงินทุน = เงินทุน / (เงินกู้ + เงินทุนจากผู้ถือหุ้น)

ดังนั้นสามารถคำนวณ WACC ได้ดังนี้

WACC = 100/200 x 8% + 100/200 x 10% = 9%  ต่อปี

ค่าของ WACC เป็นต่อปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินปันผลของผู้ถือหุ้นเป็นต่อปี



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระบวนการลงทุนแนว VI

ช่วงเวลาในการซื้อขายหุ้น (Investment Timing)

ราคาหุ้นในตลาดหุ้น (Market Price) ถูกกำหนดมาจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยมีรายละเอียดดังนี้ ปัจจัยภายนอก (External Factor) คือ ปัจจัยที่ไม่ได้มาจากกิจการโดยตรงซึ่งเป็นปัจจัยที่กิจการไม่สามารถควบคุมได้ เช่น กระแสเงินเงินทุนไหลออกและไหลเข้า (Fund Flow) วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ การอัดฉีดเงินของธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรป การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การปรับลดค่าเงินหยวน สงครามระหว่างประเทศและการก่อการร้ายในกลุ่มประเทศยุโรป จนถึง ตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรุนแรง การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล การปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของธนาคาร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ปัจจัยภายใน (Internal Factor) คือ ปัจจัยที่มาจากกิจการโดยตรง เช่น การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ การขายหุ้นเพิ่มทุน การควบรวมกิจการ การซื้อและขายกิจการ การเพิ่มอัตราการก่อหนี้ในกิจการ การปิดบริษัทย่อย

Trade Size

 ขนาดการเทรด (trade size) มีเพื่อบริหารความเสี่ยง  - Limit Loss , Unlimit Profit  - ขาดทุนมากที่สุด เท่ากับเงินลงทุน แต่กำไรได้แบบไม่มีเพดาน - แต่ดีกว่านั้น คือ ขาดทุนมากที่สุดเท่ากับ จุด cut loss แต่ยังคงมีกำไรแบบไม่มีเพดาน

หลักการลงทุนหุ้นแบบนักธุรกิจ

หุ้นเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าในตัวมันเอง เหมือนกับสินทรัพย์ประเภทอื่นในโลกที่มีมูลค่าในตัวมันเอง ดังท่านจะเห็นได้จาก ที่ดิน พันธบัตร ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง อาทิ ทองคำ เงิน และโลหะมีค่าอื่นๆ แต่หุ้นอาจมีความแตกต่างจากทรัพย์สินประเภทอื่นตรงที่มูลค่าหุ้น หรือ มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value : V) ถูกกำหนดโดยกำไรในอนาคต หรือ เรียกว่าให้ชัดเจนไปเลยก็คือ กำไรสุทธิต่อหุ้นในอนาคต (EPS1) เมื่อมูลค่าหุ้น (V) มีความเกียวข้องโดยตรงกับกำไรสุทธิต่อหุ้นในอนาคต (EPS1) ดังนั้นเมื่อเราคาดการณ์กำไรสุทธิในอนาคต (EPS1) ได้ เราก็ทราบมูลค่าหุ้น (V) ได้ทันที ซึ่งการคาดการณ์ EPS1 ได้อย่างแม่นยำนั้น ต้องมีความรู้ความเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดี การจะเข้าใจธุรกิจได้เป็นอย่างดีนั้น ต้องอาศัยการศึกษาลงไปในตัวธุรกิจซึ่งสามารถทำได้อย่างง่ายดายในปัจจุบัน เพราะบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในประเทศไทยต้องเผยแพร่ข้อมูลการประกอบธุรกิจกับตลาดหลักทรัพย์ ที่ www.set.or.th มีรายละเอียดประกอบด้วย รายงานประจำปี (Annual Report) และแบบ 56-1 การอ่าน อ่าน และอ่าน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะทำให้ท่านเข้าใจธุรกิจอย่างรวดเร็ว