เจ้าสัวบอกกับผมว่า "ปี 2557 นี้ เป็นอีก 1 ปีที่ท้าทายมากสำหรับการทำธุรกิจ เพราะสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัวลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว และหนักที่สุดคือ ไตรมาสที่ 4 ที่มีบ้านเมืองเรามีปัญหาจากการเมือง และค่าดว่าปีนี้คงเป็นอีกปีที่สาหัสไม่น้อยกว่าปีก่อน แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวโดยมีหัวหอกหลัก คือ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น"
เจ้าสัวเสริมต่อว่า "การทำธุรกิจต้องรู้จักปรับตัวเองอยู่เสมอ รู้จักว่าวิเคราะห์ตลาดของตนเอง บริหารจัดการภายในองค์กรตนเอง รวมไปถึงรู้จักวิเคราะห์คู่แข่ง"
"สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ คือ ผู้บริหารองค์กรโดยเฉพาะผู้บริหารสูงสุด เพราะผู้บริหารสูงสุด คือคนที่มีอำนาจมากที่สุดจะเป็นกำหนดความเติบโตมั่งคั่งขององค์กร หรือนำความวิบัติมาสู่องค์กร"
กรณีที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ การที่ผู้บริหารองค์กรมีการตัดสินใจผิดครั้งใหญ่ เช่น ลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้วไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ นำไปสู่การขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และการล้มละลายขององค์กรในที่สุด หรือ นำไปสู่การขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลส่งผลให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงเป็นอย่างมาก (Dilution Effect) ตัวอย่างดังนี้
ผู้ถือหุ้นเดิมมีหุ้นทั้งหมด 1.0 ล้านหุ้น คิดเป็น 100% (1 x 100% / 1) ต่อมาต้องขายหุ้นเพิ่มทุนเนื่องจากกิจการขาดสภาพคล่องส่งผลให้ต้องขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 3.0 ล้านหุ้น ดังนั้น ผู้ถือหุ้นเดิมจะมีสัดส่วนหุ้นจาก 100% เหลือ 25% ( 1 x 100% / 4)
การขายหุ้นเพิ่มทุนทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมเสียอำนาจในการควบคุมกิจการ และโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลลดลง (Dividend Yield)
ดังนั้นคุณสมบัติที่ดีของผู้บริหารชั้นเยี่ยมประกอบด้วย 1) ต้องมี Technical Skill 2) ต้องมี Human Skill และ 3) ต้องมี Conceptual Skill
Technical Skill คือ ทักษะด้านงาน หมายถึง มีความรู้ความเข้าใจกับงานที่รับผิดชอบได้อย่างดีเลิศ
Human Skill คือ ทักษะด้านคน หมายถึง สามารถบริหารคนให้เหมาะสมกับงาน และผลักดันให้พนักงานทั่วทั้งองค์กรใช้ศักยภาพสูงสุดของตนเองออกมาสร้างประโยชน์ให้กับองค์กร
Conceptual Skill คือ ทักษะด้านมองภาพรวม หมายถึง สามารถเห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด และของอุตสาหกรรมของตนเอง หรือ อีกนัยหนึ่งที่คนชอบพูดกันว่า มีวิสัยทัศน์ เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง
ทักษะทั้งสามอย่างนี้เป็นเป็นการเรียงลำดับจาก Technical Skill ไปสู่ Conceptual Skill นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าก่อนที่เราจะเป็นผู้บริหารชั้นเยี่ยมได้ต้อง เริ่มจากทำงานหนักมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี เพื่อหาประสบการณ์และพัฒนาทักษะด้านงานให้ดีเยี่ยม หลังจากนั้นเราจึงจะสามารถสร้างทีมงานที่ดีได้เพราะเราเป็นพี่เลี้ยงที่เก่งและทีมงานยอมรับในตัวเรา เมื่อมีทีมที่ดี เราจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของทีมงานให้พุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่วางไว้อย่างไม่มีข้อกังขา
กล่าวโดยสรุปอย่างง่ายๆได้ว่า ผู้บริหารชั้นเยี่ยมประกอบด้วย เก่งงาน เก่งคน และเก่งคิด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แกจ้องมองผมเหมือนตั้งคำถามว่า ผมรู้ตัวหรือยังว่ายังขาดคุณสมบัติใดบ้าง... และเสริมต่อว่า "คิดการใหญ่ต้องใช้คนดีมีฝีมือ"
เจ้าสัวเสริมต่อว่า "การทำธุรกิจต้องรู้จักปรับตัวเองอยู่เสมอ รู้จักว่าวิเคราะห์ตลาดของตนเอง บริหารจัดการภายในองค์กรตนเอง รวมไปถึงรู้จักวิเคราะห์คู่แข่ง"
"สิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ คือ ผู้บริหารองค์กรโดยเฉพาะผู้บริหารสูงสุด เพราะผู้บริหารสูงสุด คือคนที่มีอำนาจมากที่สุดจะเป็นกำหนดความเติบโตมั่งคั่งขององค์กร หรือนำความวิบัติมาสู่องค์กร"
กรณีที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ การที่ผู้บริหารองค์กรมีการตัดสินใจผิดครั้งใหญ่ เช่น ลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้วไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ นำไปสู่การขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง และการล้มละลายขององค์กรในที่สุด หรือ นำไปสู่การขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนมหาศาลส่งผลให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมลดลงเป็นอย่างมาก (Dilution Effect) ตัวอย่างดังนี้
ผู้ถือหุ้นเดิมมีหุ้นทั้งหมด 1.0 ล้านหุ้น คิดเป็น 100% (1 x 100% / 1) ต่อมาต้องขายหุ้นเพิ่มทุนเนื่องจากกิจการขาดสภาพคล่องส่งผลให้ต้องขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 3.0 ล้านหุ้น ดังนั้น ผู้ถือหุ้นเดิมจะมีสัดส่วนหุ้นจาก 100% เหลือ 25% ( 1 x 100% / 4)
การขายหุ้นเพิ่มทุนทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมเสียอำนาจในการควบคุมกิจการ และโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลลดลง (Dividend Yield)
ดังนั้นคุณสมบัติที่ดีของผู้บริหารชั้นเยี่ยมประกอบด้วย 1) ต้องมี Technical Skill 2) ต้องมี Human Skill และ 3) ต้องมี Conceptual Skill
Technical Skill คือ ทักษะด้านงาน หมายถึง มีความรู้ความเข้าใจกับงานที่รับผิดชอบได้อย่างดีเลิศ
Human Skill คือ ทักษะด้านคน หมายถึง สามารถบริหารคนให้เหมาะสมกับงาน และผลักดันให้พนักงานทั่วทั้งองค์กรใช้ศักยภาพสูงสุดของตนเองออกมาสร้างประโยชน์ให้กับองค์กร
Conceptual Skill คือ ทักษะด้านมองภาพรวม หมายถึง สามารถเห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด และของอุตสาหกรรมของตนเอง หรือ อีกนัยหนึ่งที่คนชอบพูดกันว่า มีวิสัยทัศน์ เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง
ทักษะทั้งสามอย่างนี้เป็นเป็นการเรียงลำดับจาก Technical Skill ไปสู่ Conceptual Skill นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าก่อนที่เราจะเป็นผู้บริหารชั้นเยี่ยมได้ต้อง เริ่มจากทำงานหนักมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี เพื่อหาประสบการณ์และพัฒนาทักษะด้านงานให้ดีเยี่ยม หลังจากนั้นเราจึงจะสามารถสร้างทีมงานที่ดีได้เพราะเราเป็นพี่เลี้ยงที่เก่งและทีมงานยอมรับในตัวเรา เมื่อมีทีมที่ดี เราจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของทีมงานให้พุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่วางไว้อย่างไม่มีข้อกังขา
กล่าวโดยสรุปอย่างง่ายๆได้ว่า ผู้บริหารชั้นเยี่ยมประกอบด้วย เก่งงาน เก่งคน และเก่งคิด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แกจ้องมองผมเหมือนตั้งคำถามว่า ผมรู้ตัวหรือยังว่ายังขาดคุณสมบัติใดบ้าง... และเสริมต่อว่า "คิดการใหญ่ต้องใช้คนดีมีฝีมือ"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น