คิดจะรวยจากหุ้นต้องเข้าใจมูลค่าเรื่องมูลค่าหุ้นก่อนเป็นอันดับแรก หุ้นนั้นประกอบด้วยมูลค่าทั้งหมด 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
1) มูลหุ้นที่ตราไว้ หรือที่เรียกว่า "Par Value" เป็นราคาหุ้นที่กำหนดไว้นับตั้งแต่ตั้งกิจการ เช่น บริษัท A เปิดกิจการต้องการระดมทุนจากผู้ถือหุ้นเพื่อใช้ทำธุรกิจจำนวน 100 ล้านบาท กำหนดให้มีหุ้นทั้งหมด 10 ล้านหุ้น ดังนั้นราคาหุ้นที่ตราไว้เท่ากับ 10 บาทต่อหุ้น (100/10)
มูลค่าหุ้นที่ตราไว้สามารถดูได้จากงบการเงินที่เป็นส่วนงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) ในรายการส่วนของผู้ถือหุ้น
2) มูลค่าหุ้นตามบัญชี หรือที่เรียกว่า "Book Value" เป็นราคาหุ้นที่เกิดจากการทำธุรกิจที่ผ่านมา โดยมีสมการอย่างง่ายๆ
มูลค่าหุ้นตามบัญชี = มูลค่าที่ตราไว้ + กำไรสะสม
ตัวอย่าง สมมติว่าบริษัท A มีมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น ต่อมาทำธุรกิจจนมีกำไรสะสมต่อหุ้นเท่ากับ 20 บาท ดังนั้น มูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 30 โดยมาจากการแทนสมการดังนี้
มูลค่าหุ้นตามบัญชี = 10 + 20 = 30 บาทต่อหุ้น
มูลค่าหุ้นตามบัญชีสามารถคำนวณได้จากงบการเงินล่าสุดทีประกาศในเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์
3) มูลค่าหุ้นในตลาด หรือเรียกว่า "Market Value" เป็นราคาหุ้นที่มีการซื้อขายกันทุกวันทำการที่ตลาดหุ้นเปิด ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวันที่มีการเปิดตลาดหุ้น โดยราคาหุ้นนี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามผลประกอบการของธุรกิจ ตามอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยแวดล้อมมากมาย อาทิ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศออกมา ข่าวการเกิดภาวะสงครามระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ เป็นต้น
มูลค่าหุ้นในตลาดนี้สามารถดูได้ตามสื่อต่างๆทั้งใน โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์
4) มูลค่าหุ้นที่แท้จริง หรือเรียกว่า "Intrinsic Value" เป็นราคาหุ้นที่คำนวณได้จากการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตของธุรกิจ หากธุรกิจมีกำไรเติบโตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มูลค่าที่แท้จริงก็จะสูง เปรียบเทียบกับธุรกิจที่ไม่มีการเติบโตของกำไร ซึ่งท่านสามารถสนใจศึกษาเพิ่มเติมอ่านได้ในหัวข้อ "มูลค่าที่แท้จริง" ที่ได้อธิบายอย่างละเอียดใน Blog นี้ หรือสามารถอ่านจากหนังสือ "เลือกหุ้น เล่นหุ้น ประเมินราคาหุ้นด้วยตนเอง" ตามภาพข้างล่างนี้ ซึ่งสอนรายละเอียดการคำนวณทั้งหมดรวมทั้งสูตรโดยใช้ตัวอย่างกรณีศึกษาบริษัท ได้ที่ www.mebmarket.com
มูลค่าหุ้นที่แท้จริงคำนวณได้จากสูตร Discounted Cash Flow ดังต่อไปนี้
กล่าวโดยสรุปได้ว่ามูลค่าหุ้นในข้อ 1) - 3) ทุกคนจะรู้มูลค่าหุ้นเหมือนกันหมด แต่จะมีเพียงมูลค่าที่แท้จริงเท่านั้นที่ทุกคนจะรู้แตกต่างกัน และมูลค่าหุ้นที่แท้จริงนี้เป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสามารถประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ในการลงทุน เพราะเมื่อคุณรู้มูลค่าที่แท้จริง คุณจะตัดสินใจได้ว่าควรจะซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น
อยากรวยหุ้น...ตอนนี้คุณสามารถคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงได้ด้วยตัวคุณเองหรือยัง ???
1) มูลหุ้นที่ตราไว้ หรือที่เรียกว่า "Par Value" เป็นราคาหุ้นที่กำหนดไว้นับตั้งแต่ตั้งกิจการ เช่น บริษัท A เปิดกิจการต้องการระดมทุนจากผู้ถือหุ้นเพื่อใช้ทำธุรกิจจำนวน 100 ล้านบาท กำหนดให้มีหุ้นทั้งหมด 10 ล้านหุ้น ดังนั้นราคาหุ้นที่ตราไว้เท่ากับ 10 บาทต่อหุ้น (100/10)
มูลค่าหุ้นที่ตราไว้สามารถดูได้จากงบการเงินที่เป็นส่วนงบดุล (งบแสดงฐานะการเงิน) ในรายการส่วนของผู้ถือหุ้น
2) มูลค่าหุ้นตามบัญชี หรือที่เรียกว่า "Book Value" เป็นราคาหุ้นที่เกิดจากการทำธุรกิจที่ผ่านมา โดยมีสมการอย่างง่ายๆ
มูลค่าหุ้นตามบัญชี = มูลค่าที่ตราไว้ + กำไรสะสม
ตัวอย่าง สมมติว่าบริษัท A มีมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น ต่อมาทำธุรกิจจนมีกำไรสะสมต่อหุ้นเท่ากับ 20 บาท ดังนั้น มูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 30 โดยมาจากการแทนสมการดังนี้
มูลค่าหุ้นตามบัญชี = 10 + 20 = 30 บาทต่อหุ้น
มูลค่าหุ้นตามบัญชีสามารถคำนวณได้จากงบการเงินล่าสุดทีประกาศในเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์
3) มูลค่าหุ้นในตลาด หรือเรียกว่า "Market Value" เป็นราคาหุ้นที่มีการซื้อขายกันทุกวันทำการที่ตลาดหุ้นเปิด ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวันที่มีการเปิดตลาดหุ้น โดยราคาหุ้นนี้จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามผลประกอบการของธุรกิจ ตามอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยแวดล้อมมากมาย อาทิ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศออกมา ข่าวการเกิดภาวะสงครามระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ เป็นต้น
มูลค่าหุ้นในตลาดนี้สามารถดูได้ตามสื่อต่างๆทั้งใน โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และเว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์
4) มูลค่าหุ้นที่แท้จริง หรือเรียกว่า "Intrinsic Value" เป็นราคาหุ้นที่คำนวณได้จากการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตของธุรกิจ หากธุรกิจมีกำไรเติบโตต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มูลค่าที่แท้จริงก็จะสูง เปรียบเทียบกับธุรกิจที่ไม่มีการเติบโตของกำไร ซึ่งท่านสามารถสนใจศึกษาเพิ่มเติมอ่านได้ในหัวข้อ "มูลค่าที่แท้จริง" ที่ได้อธิบายอย่างละเอียดใน Blog นี้ หรือสามารถอ่านจากหนังสือ "เลือกหุ้น เล่นหุ้น ประเมินราคาหุ้นด้วยตนเอง" ตามภาพข้างล่างนี้ ซึ่งสอนรายละเอียดการคำนวณทั้งหมดรวมทั้งสูตรโดยใช้ตัวอย่างกรณีศึกษาบริษัท ได้ที่ www.mebmarket.com
มูลค่าหุ้นที่แท้จริงคำนวณได้จากสูตร Discounted Cash Flow ดังต่อไปนี้
กล่าวโดยสรุปได้ว่ามูลค่าหุ้นในข้อ 1) - 3) ทุกคนจะรู้มูลค่าหุ้นเหมือนกันหมด แต่จะมีเพียงมูลค่าที่แท้จริงเท่านั้นที่ทุกคนจะรู้แตกต่างกัน และมูลค่าหุ้นที่แท้จริงนี้เป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสามารถประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ในการลงทุน เพราะเมื่อคุณรู้มูลค่าที่แท้จริง คุณจะตัดสินใจได้ว่าควรจะซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น
อยากรวยหุ้น...ตอนนี้คุณสามารถคำนวณหามูลค่าที่แท้จริงได้ด้วยตัวคุณเองหรือยัง ???
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น