ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ควรมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเท่าไหร่ดี

ถาม : ดิฉันกำลังคิดจะทำธุรกิจ อยากทราบว่าควรมีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเท่าไหร่ดีค่ะ

ตอบ : คุณต้องประมาณเงินลงทุนทั้งหมด โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

(1) ประมาณการเงินลงทุนสินทรัพย์ถาวร
(2) ประมาณการเงินหมุนเวียนสุทธิ (Net Working Capital) 
หลังจากนั้นคุณก็นำรายการที่ (1) บวกกับรายการที่ (2) แล้ว ผลรวมที่ได้คือ เงินลงทุนทั้งหมด ในกรณีที่คุณไม่ต้องการกู้เงิน เงินลงทุนทั้งหมดจะเป็นทุนที่ชำระแล้ว

ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดไว้ว่า ผู้ถือหุ้นต้องชำระค่าหุ้นขั้นต่ำ 25% ของทุนจดทะเบียน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณจดทะเบียน 1.0 ล้านบาท คุณต้องชำระค่าหุ้นขั้นต่ำ 250,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 75% ถือว่าเป็นภาระผูกพันของผู้ถือหุ้นที่มีต่อบริษัท ดังนั้นในกรณีที่บริษัทดำเนินธุรกิจจนเจ๊ง เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิบังคับให้ผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นคงเหลืออีก 75% ซึ่งหมายความว่า หุ้นที่ชำระไม่ครบ 75% มีสถานะเป็นหนี้ของผู้ถือหุ้นนั่นเอง

ตัวอย่าง การประมาณงินลงทุน เช่น บริษัท ABCD จำกัด มีสมมติฐานว่าปีหน้าจะมียอดขายประมาณ 10 ล้านบาท ต้นทุนขายประมาณ 7.5 ล้านบาท และงบประมาณการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรดังนี้

ค่าตกแต่ง ต่อเติม                                          500,000 บาท
ค่าอุปกรณ์ และเครื่องมือ                               500,000 บาท
ค่าสิทธิการเช่า                                            1,000,000 บาท
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน               2,000,000 บาท

นโยบายการเก็บหนี้ การขาย และการขอเครดิต สำหรับประมาณการเงินทุนหมุนเวียนมีรายละเอียดดังนี้
ระยะเวลาที่ให้เครดิตกับลูกหนี้การค้า                     45 วัน
ระยะเวลาในการขายสินค้า                                      30 วัน
ระยะเวลาที่ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้การค้า               30 วัน

 จากนโยบายข้างต้นทำให้คำนวณหาลูกหนี้การค้า สินค้าคงเหลือ และเจ้าหนี้การค้าได้ ซึ่งมีสูตรการคำนวณตามนี้

ลูกหนี้การค้า = ระยะเวลาที่ให้เครดิตกับลูกหนี้การค้า x ยอดขายต่อปี
                                                              360


ลูกหนี้การค้า  =  45 x 10,000,000  =  1,250,000 บาท
                                    360

สินค้าคงเหลือ = ระยะเวลาในการขายสินค้า x  ต้นทุนขายต่อปี
                                                        360


สินค้าคงเหลือ = 30 x 7,500,000  =  625,000 บาท
                                    360

เจ้าหนี้การค้า = ระยะเวลาที่ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้การค้า x  ต้นทุนขายต่อปี
                                                             360


เจ้าหนี้การค้า = 30 x 7,500,000  =  625,000 บาท
                               360


ดังนั้นเราสามารถคำนวณหาเงินทุนหมุนเวียนซึ่งมีสูตรการคำนวณตามนี้

เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ  =     ลูกหนี้การค้า + สินค้าคงเหลือ – เจ้าหนี้การค้า

เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ =      1,250,000 + 625,000 – 625,000 = 1,250,000 บาท

 จากประมาณการเงินลงทุนข้างต้น ซึ่งประกอบด้วย เงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และเงินลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน บริษัท  ABCD จำกัด มีเงินลงทุนทั้งหมดดังนี้

 เงินลงทุนทั้งหมด = เงินลงทุนในสินทรัพย์ถาวร + เงินลงทุนหมุนเวียนสุทธิ

 เงินลงทุนทั้งหมด = 2,000,000 + 1,250,000 = 3,250,000 บาท

 สรุปได้ว่า บริษัท ABCD จำกัด ต้องมีทุนที่ชำระแล้ว 3.25 ล้านบาท ถึงจะเพียงพอที่จะทำธุรกิจ หากอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นสามารถอ่านได้ที่ หนังสือ “ไขปริศนาความรวย ด้วยเลข “สอง”” ที่ www.mebmarket.com




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กระบวนการลงทุนแนว VI

ช่วงเวลาในการซื้อขายหุ้น (Investment Timing)

ราคาหุ้นในตลาดหุ้น (Market Price) ถูกกำหนดมาจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยมีรายละเอียดดังนี้ ปัจจัยภายนอก (External Factor) คือ ปัจจัยที่ไม่ได้มาจากกิจการโดยตรงซึ่งเป็นปัจจัยที่กิจการไม่สามารถควบคุมได้ เช่น กระแสเงินเงินทุนไหลออกและไหลเข้า (Fund Flow) วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ การอัดฉีดเงินของธนาคารกลางของสหรัฐฯและยุโรป การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การปรับลดค่าเงินหยวน สงครามระหว่างประเทศและการก่อการร้ายในกลุ่มประเทศยุโรป จนถึง ตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรุนแรง การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล การปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาน้ำมัน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของธนาคาร การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ปัจจัยภายใน (Internal Factor) คือ ปัจจัยที่มาจากกิจการโดยตรง เช่น การขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ การขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ การขายหุ้นเพิ่มทุน การควบรวมกิจการ การซื้อและขายกิจการ การเพิ่มอัตราการก่อหนี้ในกิจการ การปิดบริษัทย่อย...

ต้นทุนเงินทุน (WACC)

ต้นทุนเงินทุน (Cost of Capital) หรือ ที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไป คือ WACC (Weighted Average Cost of Capital) หมายถึง ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของเงินทุน  มีประโยชน์เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ควรลงทุนในโครงการใดบ้างของบริษัท เช่น คุ้มค่าหรือไม่ที่จะลงทุนในโครงการใหม่ของบริษัท เป็นต้น อีกทั้ง WACC นี้ยังสามารถใช้ในการคำนวณหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) และมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (Intrinsic Value of Stock) ได้อีกด้วย WACC ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ประเภท คือ :- ประเภทที่ 1 ต้นทุนจากการเงินกู้ยืม หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (kd)   ประเภทที่ 2 ต้นทุนจากเงินทุนของผู้ถือหุ้น  หรือ ที่เข้าใจโดยทั่วไป คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (ke) เพื่อความง่ายในการทำความเข้าใจ WACC ขอยกตัวอย่างประกอบดังนี้ บริษัท A มีเงินทุนประกอบด้วย เงินกู้จากเจ้าหนี้ที่มีดอกเบี้ย 100 ล้านบาท และเงินทุนจากผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท ดังนั้นเงินทุนทั้งหมดของกิจการ A คือ เงินกู้จากเจ้าหนี้ฯ + เงินทุนจากผู้ถือหุ้น = 100 + 100 ล้านบาท เท่ากับ 200 ล...

ควรตั้งเป้ายอดขายขั้นต่ำเท่าไหร่

ถาม : ตอนนี้ผมทำธุรกิจส่วนตัว และต้องการตั้งเป้าหมายการขายให้กับฝ่ายขาย อาจารย์พอจะมีวิธีที่ใช้ประมาณการขายหรือเปล่าครับ ตอบ : การตั้งเป้าหมายในการขายให้กับฝ่ายขาย เราสามารถคำนวณหาได้จากจุดคุ้มทุนขาย (Break-Even point of Sales) คือ ยอดขายที่ทำไม่มีผลกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ หรือ ยอดขายที่พอดีกับค่าใช้จ่ายของกิจการ หรืออีกนัยหนึ่ง คือยอดขายขั้นต่ำที่ต้องให้กับฝ่ายขาย โดยมีสูตรดังนี้                                              จุดคุ้มทุนขาย  =   ค่าใช้จ่ายคงที่                                                  ...