สวัสดีปีใหม่ 2558 ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในชีวิตตามที่ตั้งใจไว้
ขอเริ่มต้นบทความด้วยข่าวลบ แต่จบลงด้วยเหตุผลและโอกาส
หากท่านย้อนกลับไปดูวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยีดอทคอม ราคาน้ำมัน โรคระบาด จนกระทั่งถึงสงคราม พบว่าตลาดหุ้นในโลกนี้จะมีราคาหุ้นตกต่ำลงจนถึงระดับหนึ่งแล้วจะหยุดไม่ตกต่ำลงไปอีก เคยสงสัยหรือไม่เพราะเหตุใด ???
สาเหตุสำคัญที่ไม่ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากตลาดหุ้นนั้นประกอบด้วยหุ้นจำนวนมากและหุ้นแต่ละตัวก็มีธุรกิจของมันเองค้ำประกันอยู่ หากเมื่อใดที่เกิดวิกฤติตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญแต่ไม่ถึงกับล้มหายตายจากไปจากโลกนี้ หุ้นนั้นก็ยังคงมีมูลค่าอยู่ และสามารถกลับมามีราคาสูงกว่าเดิมได้อีกด้วย ถ้าในอนาคตผลกำไรของธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเมื่อหุ้นถูกค้ำประกันด้วยตัวธุรกิจ ราคาหุ้นจึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำไรสุทธิของธุรกิจ เพราะกำไรสุทธิเป็นของผู้ถือหุ้น โดยมีหลักการง่ายๆ คือ กำไรมาก ราคาหุ้นจะสูง หรือในทางกลับกัน กำไรน้อย ราคาหุ้นจะต่ำ
อีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ราคาหุ้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น เพราะเงินปันผลเป็นส่วนหนึ่งของกำไรสุทธิ ซึ่งสรุปได้ว่าราคาหุ้นจะถูกค้ำประกันด้วยเงินปันผล โดยดูได้จากสมการอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ดังต่อไปนี้
อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = เงินปันผลต่อหุ้น x 100% / ราคาหุ้น
สมมุติหากเราซื้อหุ้น A ที่ราคาหุ้น 100 บาท เราจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield)
เท่ากับ 5% ต่อปี (5x100%/100)
ขอเริ่มต้นบทความด้วยข่าวลบ แต่จบลงด้วยเหตุผลและโอกาส
หากท่านย้อนกลับไปดูวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยีดอทคอม ราคาน้ำมัน โรคระบาด จนกระทั่งถึงสงคราม พบว่าตลาดหุ้นในโลกนี้จะมีราคาหุ้นตกต่ำลงจนถึงระดับหนึ่งแล้วจะหยุดไม่ตกต่ำลงไปอีก เคยสงสัยหรือไม่เพราะเหตุใด ???
สาเหตุสำคัญที่ไม่ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากตลาดหุ้นนั้นประกอบด้วยหุ้นจำนวนมากและหุ้นแต่ละตัวก็มีธุรกิจของมันเองค้ำประกันอยู่ หากเมื่อใดที่เกิดวิกฤติตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ หรือได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญแต่ไม่ถึงกับล้มหายตายจากไปจากโลกนี้ หุ้นนั้นก็ยังคงมีมูลค่าอยู่ และสามารถกลับมามีราคาสูงกว่าเดิมได้อีกด้วย ถ้าในอนาคตผลกำไรของธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเมื่อหุ้นถูกค้ำประกันด้วยตัวธุรกิจ ราคาหุ้นจึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำไรสุทธิของธุรกิจ เพราะกำไรสุทธิเป็นของผู้ถือหุ้น โดยมีหลักการง่ายๆ คือ กำไรมาก ราคาหุ้นจะสูง หรือในทางกลับกัน กำไรน้อย ราคาหุ้นจะต่ำ
อีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า ราคาหุ้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น เพราะเงินปันผลเป็นส่วนหนึ่งของกำไรสุทธิ ซึ่งสรุปได้ว่าราคาหุ้นจะถูกค้ำประกันด้วยเงินปันผล โดยดูได้จากสมการอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) ดังต่อไปนี้
อัตราผลตอบแทนเงินปันผล = เงินปันผลต่อหุ้น x 100% / ราคาหุ้น
สมมุติหากเราซื้อหุ้น A ที่ราคาหุ้น 100 บาท เราจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield)
เท่ากับ 5% ต่อปี (5x100%/100)
จากตารางต่อมาหุ้น A ราคาลดลง 90 บาท แต่จ่ายเงินปันผลเท่าเดิมคือ 5 บาท จะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เท่ากับ 6% ต่อปี (6x100%/100) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาหุ้นลดลง 50% จาก 100 บาท เป็น 50 บาท จะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 10% ต่อปี
จะเห็นได้ว่าเมื่อราคาหุ้นลดลงจะทำให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเพิ่มขึ้น จนในที่สุดราคาหุ้นจะไม่ลดลงอีกเพราะนักลงทุนจะรู้สึกว่าได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงมากจึงเริ่มมีแรงซื้อมากกว่าแรกขาย ตรงจุดนั้นจึงเป็นจุดต่ำสุด หรือใกล้เคียงกับจุดต่ำสุด
ติดตามผลงานหนังสือได้ที่ www.mebmarket.com
ติดตามผลงานหนังสือได้ที่ www.mebmarket.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น