มูลค่าหุ้นที่แท้จริง ประกอบด้วย มูลค่าหุ้นตามบัญชี + มูลค่าหุ้นตามแฟรนไชด์ + มูลค่าหุ้นตามการเติบโต โดยที่ มูลค่าหุ้นตามบัญชี สามารถคำนวณได้จากงบแสดงฐานะการเงินล่าสุด ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในบทความที่ผ่านมา
มูลค่าหุ้นตามแฟรนไชด์ คำนวณได้จาก ROE - Ke เช่น หุ้น ABCD มี ROE 20% ในขณะที่มี Ke เท่ากับ 10% ซึ่งจะแสดงรายการคำนวณข้างล่าง ดังนั้นมูลค่าแฟรนไชด์จะเท่ากับ 10% มาจาก 20%-10%
หากต้องการจะแปลงเป็นมูลค่าเป็นตัวเงิน สามารถทำได้โดยการ นำมูลค่าแฟรนไชด์ คูณกับ มูลค่าหุ้นตามบัญชี สมมติว่าหุ้นต้วนี้มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 100 บาท ดังน้้นมูลค่าแฟรนไชด์จะเท่ากับ 10% x 100 = 10 บาท
อย่างไรก็ตามมูลค่าแฟรนไชด์ที่เกิดขึ้นตามที่กล่าวข้างต้นเป็นมูลค่าที่เกิดขึ้นเพียง 1 ปีเท่านั้น หากหุ้นตัวนี้มีมูลค่าแฟรนไชด์ตลอดไปของการทำธุรกิจ สามารถทำได้โดยการ มูลค่าแฟรนไชด์ทีคำนวณได้ คือ 10 บาท หารด้วย Ke ซึ่งกรณีนี้มีเงื่อนไขว่าหุ้น ABCD ไม่มีการเติบโตของกำไรสุทธิ
จากตัวอย่างข้างต้น Ke เท่ากับ 10% ดังนั้นมูลค่าแฟรนไชด์จะเท่ากับ 10/10% = 100 บาท
ค่า Ke คือ ผลตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ถือหุ้นต้องการจากการลงทุนต่อปี ซึ่งมีสมการดังนี้
มูลค่าหุ้นตามแฟรนไชด์ คำนวณได้จาก ROE - Ke เช่น หุ้น ABCD มี ROE 20% ในขณะที่มี Ke เท่ากับ 10% ซึ่งจะแสดงรายการคำนวณข้างล่าง ดังนั้นมูลค่าแฟรนไชด์จะเท่ากับ 10% มาจาก 20%-10%
หากต้องการจะแปลงเป็นมูลค่าเป็นตัวเงิน สามารถทำได้โดยการ นำมูลค่าแฟรนไชด์ คูณกับ มูลค่าหุ้นตามบัญชี สมมติว่าหุ้นต้วนี้มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีเท่ากับ 100 บาท ดังน้้นมูลค่าแฟรนไชด์จะเท่ากับ 10% x 100 = 10 บาท
อย่างไรก็ตามมูลค่าแฟรนไชด์ที่เกิดขึ้นตามที่กล่าวข้างต้นเป็นมูลค่าที่เกิดขึ้นเพียง 1 ปีเท่านั้น หากหุ้นตัวนี้มีมูลค่าแฟรนไชด์ตลอดไปของการทำธุรกิจ สามารถทำได้โดยการ มูลค่าแฟรนไชด์ทีคำนวณได้ คือ 10 บาท หารด้วย Ke ซึ่งกรณีนี้มีเงื่อนไขว่าหุ้น ABCD ไม่มีการเติบโตของกำไรสุทธิ
จากตัวอย่างข้างต้น Ke เท่ากับ 10% ดังนั้นมูลค่าแฟรนไชด์จะเท่ากับ 10/10% = 100 บาท
ค่า Ke คือ ผลตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ถือหุ้นต้องการจากการลงทุนต่อปี ซึ่งมีสมการดังนี้
โดยที่ Krf คือ อัตราผลตอบแทนในพันธบัตรรัฐบาลนิยมใช้ พันธบัตรอายุ 5 ปี หรือ 10 ปี
Km คือ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ไทยควรใช้อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป
Bi คือ ค่าเบต้าของหุ้นที่จะลงทุนนิยมอ้างอิงจากบริษัทหลักทรัพย์
สมมติให้ หุ้น ABCD มีค่า Bi เท่ากับ 1.0 และ Krf = 3% Km = 12% จะทำให้สามารถคำนวณหาผลตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้ถือหุ้นต้องการจากจากการลงทุนได้ดังนี้
Ke = 3% + (12% - 5%) x 1.0 = 10% ต่อปี
จากกรณีของหุ้น ABCD ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้
V = BVPS + (ROE - Ke) x BVPS
Ke
เทียบเท่ากับ V = มูลค่าหุ้นตามบัญชี + มูลค่าหุ้นตามแฟรนไชด์ + 0
ซึ่ง 0 คือ ไม่มีมูลค่าหุ้นตามการเติบโต
V = 100 + 10% x 100 = 100 + 100 = 200 บาท
10%
มูลค่าหุ้นที่แท้จริง (V) ของหุ้น ABCD เท่ากับ 200 บาท ประกอบด้วย มูลค่าตามบัญชี 100 บาท และมูลค่าตามแฟรนไชด์อีก 100 บาท ส่วนมูลค่าการเติบโตไม่มี
สรุปได้ว่า การประเมินมูลค่าหุ้นที่แท้จริงจากสมการข้างต้นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ธุรกิจนั้นอยู่ในสถานะอิ่มต้วแล้ว ซึ่งหมายถึงไม่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว ดังนั้นหากธุรกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจะเกิดมูลค่าตามการเติบโต ซึ่งการจะหามูลค่าตามการเติบโตนั้นให้ใช้หลักการของ DCF Model มาร่วมในการคำนวณ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น