ย้อนหลังกลับไปไกลเกินกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผมได้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตของตนเองจากการทำอาชีพวิศวกรก้าวมาสู่การเป็นนักการเงินอย่างเต็มตัว เส้นทางเส้นนี้ถูกลิขิตหรือกำหนดไว้ล่วงหน้าหรือไม่ ไม่มีใครทราบได้ เพียงแต่วันนั้นผมรู้แต่ว่าทุกวันที่ตื่นขึ้นมาแล้วไปทำงานเป็นวิศวกรจะมีเสียงคอยกระซิบอยู่แทบทุกวันว่า "เวลาผ่านไป บัดนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่" ซึงมันเหมือนเสียงที่คอยส่งสัญญาณเตือนใจว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่รอคอยอยู่ข้างหน้า...
แล้วการตัดสินใจครั้งสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อพายุลูกใหญ่ได้กระหน่ำฤาโถมกระหน่ำซ้ำลงไปที่ถนนสุขุมวิท 71 ผมเดินฝ่าทั้งกระแสลมและฝนเพื่่อมุ่งตรงไปขึ้นเรือหางยาวเพื่อหนีรถติดในมหานครกรุงเทพฯ (หนีไม่ได้จริง) เสื้อผ้าที่เปียกโชกไปทั้งตัว หนาวสั่นจนแทบเดินไม่ออก คลองแสนแสบส่งกลิ่นโชยมาเป็นระยะๆ สมกับชื่อของมัน และผมก็ไม่เคยชินกับมันซักทีทั้งที่ได้กลิ่มมันแทบทุกวัน
เสียงดังเปรี้ยงราวกับเกิดสงครามกลางเมือง ผมเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าแต่ไม่เห็นสายฟ้าแต่อย่างใด ผมได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวาย แตกตื่นกันยกใหญ่ เรือหางยาวที่กำลังจะมารับผู้โดยสารเกิดพลิกคว่ำเพราะเสียหลักไปกระแทกกับตอมอของสะพาน ภาพที่เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายให้ขึ้นมาจากน้ำเพื่อหนีตาย ในขณะนั้นความคิดผุดขึ้นมาสอนให้ผมตระหนักว่า ชีวิตคนเรานั้นสั้นเหลือเกิน คนทุกคนไม่เคยรู้ว่าวันนี้ออกจากบ้านแล้วอาจไม่ได้กลับมาอีก ดังนั้นอย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะอาจจะไม่มีพรุ่งนี้อีกต่อไป
ผมกลับมาถึงบ้านพร้อมกับคำตอบที่ได้ค้นพบ ผมต้อง "กล้า" ที่จะเปลี่ยนแปลง ผมต้อง "กล้า" ที่จะเดินไปในเส้นทางที่อาจไม่มีคนรอบข้างเข้าใจ ผมต้อง "กล้า" ที่จะเป็นตัวของตัวเอง (ช่างกล้านัก !!!)
คิดแล้วต้องทำ ไม่ฉะนั้นจะเหมือนเดิม ผมตัดสินใจลาออกโดยไม่รู้ว่าชะตากรรมในอนาคต เพราะถ้ารอวันพร้อมคงไม่มี (บ้าบิ่นดีครับ สมกับเป็นวัยรุ่นตัวจริง) ผมตัดสินใจขายรถคู่ชีพที่สุดแสนจะรักมัน เพราะล้างรถได้แทบทุกวัน เพื่อจะได้เงินทุนสักก้อนหนึ่งใช้กับวันเวลาในอนาคต
ผมมีความเชื่อว่าภายใต้วิกฤติจะมีเกิดการเปลี่ยนแปลง ชีวิตจะค้นหาเส้นทางของมันได้ด้วยตนเองเสมอ เมื่อถึงเวลาคับขัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อไม่มีงาน และจะไม่มีเงินอีกในอนาคตแน่นอน (เพราะใช้เงินไปเรื่อยๆ) จิตจะเกิดกระบวนการทำงานอย่างหนัก ขยันแบบทะลุโลก จิตจะตื่นโพลงขึ้นมาจากการหลับไหลมาหลายปี ผมรู้จักจิตดวงนี้ดีว่ามันมีสันดานเลือดนักสู้ขนาดไหน ทนทานกับความวิบัติได้ขนาดไหน...
จิตที่ผาดโผนย่อมต้องดำเนินชีวิตอย่างผาดโผน สมกับนิสัยสันดานดังเดิมของมัน จิตดวงนี้มันบูชาประสบการณ์ชีวิตเหนือกว่าสิ่งอื่นใด เหนือกว่า เงินทอง อำนาจ และชื่อเสียง เพราะมันรู้ว่านอกเหนือประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณทุกอย่างมันทิ้งหมด ไม่สามารถนำไปได้หลังความตาย
ผมได้นับหนึ่่งอีกครั้งแล้วกับชีวิตที่ยังไม่มีอนาคต แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันไกลสุดขอบโลก แล้วคุณล่ะมัวทำอะไรอยู่...
แล้วการตัดสินใจครั้งสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อพายุลูกใหญ่ได้กระหน่ำฤาโถมกระหน่ำซ้ำลงไปที่ถนนสุขุมวิท 71 ผมเดินฝ่าทั้งกระแสลมและฝนเพื่่อมุ่งตรงไปขึ้นเรือหางยาวเพื่อหนีรถติดในมหานครกรุงเทพฯ (หนีไม่ได้จริง) เสื้อผ้าที่เปียกโชกไปทั้งตัว หนาวสั่นจนแทบเดินไม่ออก คลองแสนแสบส่งกลิ่นโชยมาเป็นระยะๆ สมกับชื่อของมัน และผมก็ไม่เคยชินกับมันซักทีทั้งที่ได้กลิ่มมันแทบทุกวัน
เสียงดังเปรี้ยงราวกับเกิดสงครามกลางเมือง ผมเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าแต่ไม่เห็นสายฟ้าแต่อย่างใด ผมได้ยินเสียงคนเอะอะโวยวาย แตกตื่นกันยกใหญ่ เรือหางยาวที่กำลังจะมารับผู้โดยสารเกิดพลิกคว่ำเพราะเสียหลักไปกระแทกกับตอมอของสะพาน ภาพที่เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายให้ขึ้นมาจากน้ำเพื่อหนีตาย ในขณะนั้นความคิดผุดขึ้นมาสอนให้ผมตระหนักว่า ชีวิตคนเรานั้นสั้นเหลือเกิน คนทุกคนไม่เคยรู้ว่าวันนี้ออกจากบ้านแล้วอาจไม่ได้กลับมาอีก ดังนั้นอย่าผัดวันประกันพรุ่ง เพราะอาจจะไม่มีพรุ่งนี้อีกต่อไป
ผมกลับมาถึงบ้านพร้อมกับคำตอบที่ได้ค้นพบ ผมต้อง "กล้า" ที่จะเปลี่ยนแปลง ผมต้อง "กล้า" ที่จะเดินไปในเส้นทางที่อาจไม่มีคนรอบข้างเข้าใจ ผมต้อง "กล้า" ที่จะเป็นตัวของตัวเอง (ช่างกล้านัก !!!)
คิดแล้วต้องทำ ไม่ฉะนั้นจะเหมือนเดิม ผมตัดสินใจลาออกโดยไม่รู้ว่าชะตากรรมในอนาคต เพราะถ้ารอวันพร้อมคงไม่มี (บ้าบิ่นดีครับ สมกับเป็นวัยรุ่นตัวจริง) ผมตัดสินใจขายรถคู่ชีพที่สุดแสนจะรักมัน เพราะล้างรถได้แทบทุกวัน เพื่อจะได้เงินทุนสักก้อนหนึ่งใช้กับวันเวลาในอนาคต
ผมมีความเชื่อว่าภายใต้วิกฤติจะมีเกิดการเปลี่ยนแปลง ชีวิตจะค้นหาเส้นทางของมันได้ด้วยตนเองเสมอ เมื่อถึงเวลาคับขัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อไม่มีงาน และจะไม่มีเงินอีกในอนาคตแน่นอน (เพราะใช้เงินไปเรื่อยๆ) จิตจะเกิดกระบวนการทำงานอย่างหนัก ขยันแบบทะลุโลก จิตจะตื่นโพลงขึ้นมาจากการหลับไหลมาหลายปี ผมรู้จักจิตดวงนี้ดีว่ามันมีสันดานเลือดนักสู้ขนาดไหน ทนทานกับความวิบัติได้ขนาดไหน...
จิตที่ผาดโผนย่อมต้องดำเนินชีวิตอย่างผาดโผน สมกับนิสัยสันดานดังเดิมของมัน จิตดวงนี้มันบูชาประสบการณ์ชีวิตเหนือกว่าสิ่งอื่นใด เหนือกว่า เงินทอง อำนาจ และชื่อเสียง เพราะมันรู้ว่านอกเหนือประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณทุกอย่างมันทิ้งหมด ไม่สามารถนำไปได้หลังความตาย
ผมได้นับหนึ่่งอีกครั้งแล้วกับชีวิตที่ยังไม่มีอนาคต แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันไกลสุดขอบโลก แล้วคุณล่ะมัวทำอะไรอยู่...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น