หลังจากที่เจ้าสัวสอนผมแล้ว แกถามว่า "โครงการของคุณต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่"
ผมตอบกลับทันควัน "ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 10 ล้านบาทครับ"
แกถามต่อ "คุณลงทุนเท่าไหร่ และให้ผมลงทุนเท่าไหร่"
ผมตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วนใจ "ผมลงทุน 5 ล้านบาท และท่านลงทุนอีก 5 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีเงินลงทุนครับ แต่ผมจะชำระให้ครบจำนวนในภายหลัง"
แกจ้องหน้าและเสนอกลับมาว่า "ผมเห็นตัวผมในตัวคุณเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ผมขอเสนอว่าจะลงทุน 5.1 ล้านบาท และอีก 4.9 ล้านบาท ผมจะให้คุณกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี"
ผมเข้าใจแกดีว่าเหตุผลที่แกถึงหุ้น 5.1 ล้านบาท เพราะแกต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ควบคุมกิจการได้ เพราะสัดส่วนหุ้นของแกจะเป็น 51% ส่วนของผมจะเท่ากับ 49%
แกเสริมต่อ "ผมจะให้คุณเขียนเช็คส่วนตัวให้ผมล่วงหน้าทั้งหมด 5 ใบ ใบที่ 1-4 ยอดเงิน 1.0 ล้านบาท และใบสุดท้าย 2,125,000 บาท (900,000 + 5,000,000 x 5% x 5) แต่ละใบลงวันที่ห่างกัน 1 ปี โดยใบแรกลงวันที่ 1 ปีให้หลังจากตั้งโครงการนี้"
แกหยุดหายใจและพูดต่อ "ผมจะเตือนคุณว่าเช็คแต่ละใบเป็นคดีอาญาซึ่งผมจับคุณติดคุกได้ และอีกอย่างหนึ่งคุณไม่ต้องกังวัลว่าจะจ่ายคืนหนี้ผมไม่ได้ เพราะโครงการของคุณที่ทำในแผนธุรกิจมีกำไรขั้นต่ำปีละ 3 ล้านบาท ซึ่งคุณสามารถได้เงินปันผลอยู่แล้วตามสัดส่วนหุ้นของคุณ คือ 1.47 ล้านบาท (3.0x49%) ดังนั้นผมให้คุณจ่ายปีละแค่ 1 ล้านบาท คุณจ่ายได้อยู่แล้ว ไม่ติดคุกแน่ๆ นอกเสียจากว่าแผนธุรกิจของคุณหลอกผม ดังนั้นหากเป็นอย่างนั้นจริง คุณก็สมควรติดคุก เพราะผมชอบดัดสันดานคนเลว"
"อีกอย่างหนึ่ง บริษัทฯที่คุณตั้งใหม่นี้จะต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจ 2 คน คือ คุณกับคนที่ผมมอบหมาย โดยทั้งสองคนต้องเซ็นลงนามรวมกัน และบริษัทฯนี้ต้องเช่าสำนักงานจากบริษัทฯของผมซึ่งจะคิดค่าเช่าในอัตราเดียวกันกับตลาด คุณเห็นด้วยกับข้อเสนอของผมไหม?"
ผมตอบกลับอย่างไม่มีทางเลือก "ได้ครับ" ผมเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกว่าสับสนทั้งรู้สึกดีใจและหดหู่ ที่รู้สึกดีใจเพราะได้เงินมาทำตามความฝันแล้ว ส่วนที่รู้สึกหดหู่นั้นมาจากการเป็นหนี้เงินกู้และโอกาสที่จะติดคุก หรือคำนิยามสั้นๆ คือ ทุกข์ลาภ
ผมคิดย้อนกลับว่าเหตุผลที่แกให้เช่าสำนักงานของแกเพราะต้องการเก็บค่าเช่าส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งหากผมคิดจะทิ้งธุรกิจ ผมก็ไม่มีสิทธิแม้แต่จะขนทรัพย์สินหนีไปไหนได้
แกทำให้ผมเข้าใจโลกมากขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สมกับที่แกบอกว่า "การทำธุรกิจคือกระบวนการเปลี่ยนคนในเชิงลึก" จากนี้ไปผมคงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆอีกมากมาย เรียนรู้ที่จะอยู่รอด...เติบโตต่อไป
ผมตอบกลับทันควัน "ใช้เงินลงทุนทั้งหมด 10 ล้านบาทครับ"
แกถามต่อ "คุณลงทุนเท่าไหร่ และให้ผมลงทุนเท่าไหร่"
ผมตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วนใจ "ผมลงทุน 5 ล้านบาท และท่านลงทุนอีก 5 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผมยังไม่มีเงินลงทุนครับ แต่ผมจะชำระให้ครบจำนวนในภายหลัง"
แกจ้องหน้าและเสนอกลับมาว่า "ผมเห็นตัวผมในตัวคุณเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ผมขอเสนอว่าจะลงทุน 5.1 ล้านบาท และอีก 4.9 ล้านบาท ผมจะให้คุณกู้โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี"
ผมเข้าใจแกดีว่าเหตุผลที่แกถึงหุ้น 5.1 ล้านบาท เพราะแกต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ควบคุมกิจการได้ เพราะสัดส่วนหุ้นของแกจะเป็น 51% ส่วนของผมจะเท่ากับ 49%
แกเสริมต่อ "ผมจะให้คุณเขียนเช็คส่วนตัวให้ผมล่วงหน้าทั้งหมด 5 ใบ ใบที่ 1-4 ยอดเงิน 1.0 ล้านบาท และใบสุดท้าย 2,125,000 บาท (900,000 + 5,000,000 x 5% x 5) แต่ละใบลงวันที่ห่างกัน 1 ปี โดยใบแรกลงวันที่ 1 ปีให้หลังจากตั้งโครงการนี้"
แกหยุดหายใจและพูดต่อ "ผมจะเตือนคุณว่าเช็คแต่ละใบเป็นคดีอาญาซึ่งผมจับคุณติดคุกได้ และอีกอย่างหนึ่งคุณไม่ต้องกังวัลว่าจะจ่ายคืนหนี้ผมไม่ได้ เพราะโครงการของคุณที่ทำในแผนธุรกิจมีกำไรขั้นต่ำปีละ 3 ล้านบาท ซึ่งคุณสามารถได้เงินปันผลอยู่แล้วตามสัดส่วนหุ้นของคุณ คือ 1.47 ล้านบาท (3.0x49%) ดังนั้นผมให้คุณจ่ายปีละแค่ 1 ล้านบาท คุณจ่ายได้อยู่แล้ว ไม่ติดคุกแน่ๆ นอกเสียจากว่าแผนธุรกิจของคุณหลอกผม ดังนั้นหากเป็นอย่างนั้นจริง คุณก็สมควรติดคุก เพราะผมชอบดัดสันดานคนเลว"
"อีกอย่างหนึ่ง บริษัทฯที่คุณตั้งใหม่นี้จะต้องมีกรรมการผู้มีอำนาจ 2 คน คือ คุณกับคนที่ผมมอบหมาย โดยทั้งสองคนต้องเซ็นลงนามรวมกัน และบริษัทฯนี้ต้องเช่าสำนักงานจากบริษัทฯของผมซึ่งจะคิดค่าเช่าในอัตราเดียวกันกับตลาด คุณเห็นด้วยกับข้อเสนอของผมไหม?"
ผมตอบกลับอย่างไม่มีทางเลือก "ได้ครับ" ผมเดินกลับออกมาด้วยความรู้สึกว่าสับสนทั้งรู้สึกดีใจและหดหู่ ที่รู้สึกดีใจเพราะได้เงินมาทำตามความฝันแล้ว ส่วนที่รู้สึกหดหู่นั้นมาจากการเป็นหนี้เงินกู้และโอกาสที่จะติดคุก หรือคำนิยามสั้นๆ คือ ทุกข์ลาภ
ผมคิดย้อนกลับว่าเหตุผลที่แกให้เช่าสำนักงานของแกเพราะต้องการเก็บค่าเช่าส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งหากผมคิดจะทิ้งธุรกิจ ผมก็ไม่มีสิทธิแม้แต่จะขนทรัพย์สินหนีไปไหนได้
แกทำให้ผมเข้าใจโลกมากขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สมกับที่แกบอกว่า "การทำธุรกิจคือกระบวนการเปลี่ยนคนในเชิงลึก" จากนี้ไปผมคงได้เรียนรู้สิ่งต่างๆอีกมากมาย เรียนรู้ที่จะอยู่รอด...เติบโตต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น