ลมหนาวได้พัดมาอีกครั้ง มันทำให้ผมนึกถึงชีวิตที่ผ่านมา เพราะทุกครั้งที่ได้สัมผัสลมหนาว เหมือนธรรมชาติจะบอกว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วอีก 1 ปี มันทำให้ผมได้ทบทวนตัวเองว่า 1 ปี ที่ผ่านมา ได้ทำสิ่งใดไปบ้าง เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพราะสาเหตุใด และมันทำให้ผมได้วางเป้าหมายสำหรับปีหน้าด้วย
เจ้าสัวเคยเล่าให้ผมฟังว่า แกเคยผ่านความตายมาแล้วถึง 3 ครั้งในชีวิต ซึ่งในแต่ละครั้งมันทำให้แกได้ได้เลือกดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากเดิม แกเล่าให้ฟังว่า เมื่อคุณรู้ว่าคุณกำลังตาย คุณจะรู้ทันทีว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดในชีวิต และหากคุณรอดมาได้คุณจะกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งใดก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้คุณรู้จักการจัดลำดับความสำคัญของชีวิต
แกสอนต่อว่า 30 ปี แรกของการมีชีวิตอยู่ คือ การค้นหาตัวเองให้พบ เพื่อสร้างความความสำเร็จให้กับตนเอง 30 ปีต่อมา คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่นที่ใกล้ชิด เพราะเราช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็เริ่มต้นที่จะช่วยเหลือคนใกล้ชิด อันประกอบด้วย ครอบครัว พี่น้อง และเพื่อนฝูง ส่วน 30 ปีสุดท้าย คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อสังคม คือ คนอื่นที่เราไม่รู้จักแต่เป็นเพื่อนร่วมโลก เกิด แก่ เจ็บ ตาย
แกบอกว่า การที่แกช่วยเหลือผมทั้งที่แกแทบไม่รู้จักผมอย่างลึกซึ้งเลย เพราะแกเห็นบางอย่างในตัวผมที่เหมือนกับแกในอดีต แกหวังว่าสักวันหนึ่ง เมื่อผมพ้นน้ำ ผมจะได้หยิบยื่นโอกาสแบบนี้ให้กับคนอื่นต่อไป เหมือนกับที่แกยื่นให้กับผม แกสอนต่อว่า มันคือการส่งไม้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจบสิ้น มันเป็นการสานต่อความหวังให้กับคนที่ต้องการโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิต
การที่เราได้พบกับคนๆหนึ่งในคนกว่า 7 พันล้านคนบนโลกใบนี้ ที่มีความฝ้นเหมือนเราในอดีต มันเป็นต้องมีเหตุมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เราต้องมาเจอะกัน และต้องเกื้อกูลกัน คงเป็นเพราะเราเคยมีสายสัมพันธ์ร่วมกันมาแบบข้ามภพข้ามชาติ
สายตาผมทอดยาวออกไปมองไปยังขอบฟ้ายามเย็น ก่อนดวงอาทิตย์จะจมหายไปในท้องทะเล ผมเห็นเรือหาปลาแล่นผ่านมา....ฝูงนกบินผ่านไป... เหมือนเตือนให้รู้ว่าชีวิตทุกชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่...แต่พรุ่งนี้คงไม่เหมือนวันนี้อีกแล้ว
เจ้าสัวเคยเล่าให้ผมฟังว่า แกเคยผ่านความตายมาแล้วถึง 3 ครั้งในชีวิต ซึ่งในแต่ละครั้งมันทำให้แกได้ได้เลือกดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากเดิม แกเล่าให้ฟังว่า เมื่อคุณรู้ว่าคุณกำลังตาย คุณจะรู้ทันทีว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดในชีวิต และหากคุณรอดมาได้คุณจะกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งใดก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้คุณรู้จักการจัดลำดับความสำคัญของชีวิต
แกสอนต่อว่า 30 ปี แรกของการมีชีวิตอยู่ คือ การค้นหาตัวเองให้พบ เพื่อสร้างความความสำเร็จให้กับตนเอง 30 ปีต่อมา คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่นที่ใกล้ชิด เพราะเราช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็เริ่มต้นที่จะช่วยเหลือคนใกล้ชิด อันประกอบด้วย ครอบครัว พี่น้อง และเพื่อนฝูง ส่วน 30 ปีสุดท้าย คือ การมีชีวิตอยู่เพื่อสังคม คือ คนอื่นที่เราไม่รู้จักแต่เป็นเพื่อนร่วมโลก เกิด แก่ เจ็บ ตาย
แกบอกว่า การที่แกช่วยเหลือผมทั้งที่แกแทบไม่รู้จักผมอย่างลึกซึ้งเลย เพราะแกเห็นบางอย่างในตัวผมที่เหมือนกับแกในอดีต แกหวังว่าสักวันหนึ่ง เมื่อผมพ้นน้ำ ผมจะได้หยิบยื่นโอกาสแบบนี้ให้กับคนอื่นต่อไป เหมือนกับที่แกยื่นให้กับผม แกสอนต่อว่า มันคือการส่งไม้ต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจบสิ้น มันเป็นการสานต่อความหวังให้กับคนที่ต้องการโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิต
การที่เราได้พบกับคนๆหนึ่งในคนกว่า 7 พันล้านคนบนโลกใบนี้ ที่มีความฝ้นเหมือนเราในอดีต มันเป็นต้องมีเหตุมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เราต้องมาเจอะกัน และต้องเกื้อกูลกัน คงเป็นเพราะเราเคยมีสายสัมพันธ์ร่วมกันมาแบบข้ามภพข้ามชาติ
สายตาผมทอดยาวออกไปมองไปยังขอบฟ้ายามเย็น ก่อนดวงอาทิตย์จะจมหายไปในท้องทะเล ผมเห็นเรือหาปลาแล่นผ่านมา....ฝูงนกบินผ่านไป... เหมือนเตือนให้รู้ว่าชีวิตทุกชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่...แต่พรุ่งนี้คงไม่เหมือนวันนี้อีกแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น