ลมหนาวได้เริ่มพัดมาอีกครั้ง...ผู้คนเริ่มออกมาเฉลิมฉลองกัน...วันลอยกระทงบอกถึงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้...แต่ชีวิตท่านยังคงเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าเทียบกับวันลอยกระทงปีก่อน...
ความคิดของผมล่องลอยไปไกลสุดขอบฟ้า...สายตาเหม่อมองออกไปที่สายน้ำที่ไหลไปแล้วไม่เคยไหลย้อนกลับ...ใจรับรู้ถืงการเกิดขึ้นและดับไปของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัย เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ตามมา ต่อเนื่องไปอย่างไม่มีสิ้นสุด เหมือนงูกินหางไม่มีผิด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมีคำถามจากปลายสาย
ชายนิรนาม : "มีเรื่องจะปรึกษาครับ คือว่ามีนักลงทุนหลายรายสนใจจะซื้อกิจการของผมและหุ้นส่วน ผมจึงอยากรู้ว่ากิจการของผมมีมูลค่าเท่าใด"
ผมตอบกลับไปว่า "การหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) ต้องอ้างอิงจากผลการดำเนินงานในอดีตซึ่งดูได้จากงบการเงินในอดีต และกระแสเงินสดในอนาคตของกิจการ"
ชายนิรนาม : "แล้วผมจะคำนวณหามันได้อย่างไรครับ"
ผมอธิบายต่อ "มูลค่ากิจการ (EV) = หนี้สินที่มีดอกเบี้ย (VD) - เงินสด + ส่วนของผู้ถือหุ้น (VS)"
โดยที่ หนี้สินที่มีดอกเบี้ย คือ เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งที่เป็นหนี้ระยะสั้นและยาว
ส่วนของผู้ถือหุ้น คือ ราคาหุ้นในตลาด x จำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว
ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีงบการเงินล่าสุด แสดงรายการเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเท่ากับ 110 ล้านบาท และมีเงินสดเท่ากับ 10 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีราคาหุ้นเท่ากับ 20 บาท และมีหุ้นที่ชำระแล้ว 10 ล้านหุ้น
ดังนั้ัน มูลค่ากิจการ = 110 - 10 + (20 x 10) = 300 ล้านบาท
ชายนิรนาม : "แต่บริษัทของผมไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วจะคำนวณหาส่วนของผู้ถือหุ้นได้อย่างไร"
ผมตอบทันควัน "ก็ต้องคำนวณหาส่วนของผู้ถือหุ้นโดยใช้ Discounted Cash Flow Model"
ชายนิรนาม : "มันคืออะไรครับ"
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงประทัดที่ดังสนั่นหวั่นไหว หันไปมองรอบตัวไม่มีใครซักคน แต่ยังคงจดจำเสียงปลายสายนั้นได้อย่างแม่นยำเหมือนรสส้มตำปลาร้าที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้น...
ความคิดของผมล่องลอยไปไกลสุดขอบฟ้า...สายตาเหม่อมองออกไปที่สายน้ำที่ไหลไปแล้วไม่เคยไหลย้อนกลับ...ใจรับรู้ถืงการเกิดขึ้นและดับไปของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ทุกอย่างเกิดจากเหตุปัจจัย เมื่อมีสิ่งนี้ จึงเกิดสิ่งนี้ตามมา ต่อเนื่องไปอย่างไม่มีสิ้นสุด เหมือนงูกินหางไม่มีผิด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมีคำถามจากปลายสาย
ชายนิรนาม : "มีเรื่องจะปรึกษาครับ คือว่ามีนักลงทุนหลายรายสนใจจะซื้อกิจการของผมและหุ้นส่วน ผมจึงอยากรู้ว่ากิจการของผมมีมูลค่าเท่าใด"
ผมตอบกลับไปว่า "การหามูลค่าของกิจการ (Enterprise Value) ต้องอ้างอิงจากผลการดำเนินงานในอดีตซึ่งดูได้จากงบการเงินในอดีต และกระแสเงินสดในอนาคตของกิจการ"
ชายนิรนาม : "แล้วผมจะคำนวณหามันได้อย่างไรครับ"
ผมอธิบายต่อ "มูลค่ากิจการ (EV) = หนี้สินที่มีดอกเบี้ย (VD) - เงินสด + ส่วนของผู้ถือหุ้น (VS)"
โดยที่ หนี้สินที่มีดอกเบี้ย คือ เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งที่เป็นหนี้ระยะสั้นและยาว
ส่วนของผู้ถือหุ้น คือ ราคาหุ้นในตลาด x จำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว
ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีงบการเงินล่าสุด แสดงรายการเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเท่ากับ 110 ล้านบาท และมีเงินสดเท่ากับ 10 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีราคาหุ้นเท่ากับ 20 บาท และมีหุ้นที่ชำระแล้ว 10 ล้านหุ้น
ดังนั้ัน มูลค่ากิจการ = 110 - 10 + (20 x 10) = 300 ล้านบาท
ชายนิรนาม : "แต่บริษัทของผมไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วจะคำนวณหาส่วนของผู้ถือหุ้นได้อย่างไร"
ผมตอบทันควัน "ก็ต้องคำนวณหาส่วนของผู้ถือหุ้นโดยใช้ Discounted Cash Flow Model"
ชายนิรนาม : "มันคืออะไรครับ"
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยเสียงประทัดที่ดังสนั่นหวั่นไหว หันไปมองรอบตัวไม่มีใครซักคน แต่ยังคงจดจำเสียงปลายสายนั้นได้อย่างแม่นยำเหมือนรสส้มตำปลาร้าที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้น...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น